ลาซาด้า นำร่องกรีนโลจิสติกส์ฮับแห่งแรกในไทย เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้ง มุ่งใช้พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้ง รามอินทรา นำร่องโลจิสติกส์ฮับที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคม โดยศูนย์ฯ ดังกล่าวมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับการดำเนินงานภายในศูนย์ฯ การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า ซึ่งทำให้การขนส่งกว่า 70% ของศูนย์ฯ เป็นการใช้พลังงานสะอาด และชุดยูนิฟอร์มสำหรับตัวแทนจัดส่งสินค้าที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET รีไซเคิล
งานเปิดตัวศูนย์ฯ ได้จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีทีมผู้บริหารลาซาด้าร่วมงาน ได้แก่ เจมส์ มาร์แชนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายโลจิสติกส์ ลาซาด้า ประเทศไทย และณัฏฐพล เกรียงชัยเวทย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายโลจิสติกส์ ลาซาด้า ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารจาก สวอพ แอนด์ โก (Swap & Go) พันธมิตรผู้ให้บริการสลับแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า นำโดยอาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด
ศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้งของลาซาด้าครอบคลุมพื้นที่การจัดส่งสินค้าในบริเวณแขวงท่าแร้งและแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน โดยการเปิดศูนย์ฯ แห่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของลาซาด้าได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของลาซาด้าโดยรวม
ศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้ง นับเป็นหนึ่งในโครงการด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนของลาซาด้า กรุ๊ป สะท้อนแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในการใช้อีคอมเมิร์ซเป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อยกระดับชุมชน ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน และบริหารจัดการผลกระทบของธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม จากรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ประจำปี 2566 ลาซาด้าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยรวมลงถึง 10% ในระดับภูมิภาค เมื่อเทียบกับกรอบเวลาการรายงานในปีงบประมาณ 2565
เกี่ยวกับ ลาซาด้า กรุ๊ป
ลาซาด้า กรุ๊ป เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ลาซาด้าได้ขับเคลื่อนความก้าวหน้าในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ผ่านธุรกิจการค้าและเทคโนโลยี ปัจจุบันธุรกิจที่กำลังเติบโตนี้ได้เชื่อมโยงผู้ใช้งานเป็นประจำราว 160 ล้านราย เข้ากับผู้ขายที่ดำเนินธุรกิจอยู่มากกว่า 1 ล้านรายต่อเดือน ผ่านการทำธุรกรรมทางการเงินที่ปลอดภัย ด้วยช่องทางการชำระเงินต่าง ๆ ที่เชื่อถือได้ รวมถึงลาซาด้าวอลเล็ต อีกทั้งยังรับบริการจัดส่งพัสดุจากเครือข่ายโลจิสติกส์ในประเทศที่กลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างยอดขายรวมทุกหมวดหมู่ (GMV) ต่อปีให้ได้ 1 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ ลาซาด้าจึงตั้งเป้าที่จะให้บริการนักช้อป 300 ล้านคนภายในปี 2573 และเป็นบริษัทอันดับหนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์และผู้ขายปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ดิจิทัล