• เทศกาลแห่งความรักที่ทุกคู่รักรอคอย ร้านค้าที่ต้องจัดการกับออเดอร์สั่งซื้อสินค้าจำนวนมากที่เข้ามาช่วงเทศกาลวาเลนไทน์
  • ช่วงเวลาจัดส่งของไปต่างประเทศมากที่สุดตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ เริ่มปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายปี โดยมีจำนวนการจัดส่งพัสดุส่งออกไปต่างประเทศสูงกว่ายอดเฉลี่ยรายวันในไตรมาสที่สามถึง 41% และสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 25%

DHL Express Thailand เผยเคล็ดลับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศหน้าเทศกาลสำคัญให้ผู้รับประทับใจและทันเวลา

1) สต๊อกสินค้าในช่วงเวลา Celebration

  • จากผลสำรวจ National Retail Federation (NRF) พบว่าในปี 2018 ผู้บริโภคชาวอเมริกาจำนวน 7,277 คน วางแผนซื้อสินค้าให้คู่สมรสเป็น
    • อันดับแรก (ประมาณ 2,832.05 บาท/คน)
    • ตามด้วยครอบครัว (ประมาณ 804.93 บาท/คน)  
    • ครูและเพื่อนร่วมชั้น (ประมาณ 231.07 บาท/คน)
    • เพื่อน (ประมาณ 228.84 บาท/คน) ตามลำดับ
  • เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆทั้งในแถบยุโรปและเอเชียที่ตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เช่นกัน ดังนั้นผู้ค้าควรวางแผนรองรับออเดอร์และเริ่มสต๊อกสินค้าก่อนจนถึงช่วงเทศกาลเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ โดยผู้ค้าสามารถประเมินได้จากอัตราการสั่งซื้อในช่วงปกติอย่างน้อย 6 เดือน บวกกับการกระตุ้นตลาดด้วยแคมเปญหรือโปรโมชั่น จะช่วยให้สินค้าออกเร็วและไม่มีปัญหาเรื่องการค้างสต๊อก

2) ใส่ใจในขั้นตอนการแพ็คสินค้าและการจัดส่งออกไปต่างประเทศ

  • เมื่อมีปริมาณคำสั่งซื้อมากขึ้น จำนวนพนักงานก็ต้องมากพอที่จะรองรับการดูแลทุกออเดอร์ให้ได้คุณภาพตั้งแต่การรับออเดอร์ จนถึงขั้นตอนการห่อพัสดุเพื่อจัดส่งออกไปต่างประเทศ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆตั้งแต่การบรรจุสินค้าแต่ละชิ้นด้วยพลาสติกหุ้มกันกระแทกหรือคั่นด้วยโฟมกันกระแทกซึ่งสินค้าแต่ละชิ้นจะต้องมีวัสดุกันกระแทกอยู่ทุกด้านอย่างน้อยสองนิ้ว การติดฉลากที่อยู่ภายในกล่องบรรจุเพื่อสำรองข้อมูลติดต่อกรณีฉลากด้านนอกได้รับความเสียหาย รวมถึงข้อควรระวังในการส่งสินค้าอันตรายไปต่างประเทศโดยไม่ได้ตั้งใจ สินค้าหลายอย่างถูก
  • จำแนกว่าเป็นสินค้าอันตรายสำหรับการขนส่งทางอากาศ เช่น ของเล่นที่มีแบตเตอรี่ เครื่องประดับตกแต่งที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์และใช้แบตเตอรี่ลิเธียม น้ำหอม ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ยาทาเล็บ ไฟแช็ค และกระป๋องสเปรย์ ฯลฯ รวมถึงตรวจสอบการผนึกกล่องพัสดุให้เรียบร้อยและแข็งแรง ก็สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้รับปลายทางให้อยากสั่งซื้อสินค้าในครั้งถัดไป

3) วางตารางจัดส่งสินค้าให้แน่นอนและแม่นยำ

ความประทับใจอีกประการหนึ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับคือ เมื่อผู้ค้าสามารถแจ้งสถานะพัสดุให้กับลูกค้าได้ทุกเมื่อ เช่น ระบุวันและสถานที่ที่พัสดุจะถึงปลายทางอย่างชัดเจนได้ตั้งแต่เริ่มต้นก่อนการสั่งซื้อ ระหว่างการจัดส่ง และเมื่อถึงปลายทางแล้ว 

4) จัดโปรโมชั่น “ฟรีค่าส่ง” กระตุ้นยอดขาย

  • ค่าจัดส่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ในช่วงเทศกาลเติมความหวานวันแห่งความรักแบบนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะได้รับบริการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าตามยอดขั้นต่ำที่กำหนด หลายคนอาจมองหาบริการจัดส่งฟรีสำหรับการแลกเปลี่ยนสินค้าคืน ในทางตรงกันข้ามการแจ้งค่าจัดส่งอาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ายกเลิกการซื้อสินค้า
  • ดังนั้นผู้ขายควรใช้โอกาสนี้ในการสร้างแคมเปญการจัดส่งฟรี เพื่อเพิ่มยอดการสั่งซื้อ ทั้งนี้ต้องระบุรายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับวันที่จัดส่ง ประมาณการณ์ช่วงที่สินค้าจะไปถึงมือผู้รับ และวันที่ตัดออเดอร์รับส่งสินค้าในหน้าเทศกาล

5) ใช้กลยุทธ์ “รับคืนสินค้าฟรี” ซื้อใจลูกค้า

  • คำว่า “ฟรี” มีพลังในโลกอีคอมเมิร์ซเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกันกับการรับคืนสินค้าซึ่งผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้รับการบริการที่เป็นมิตรในฤดูกาลพิเศษ การรับคืนสินค้าฟรีในช่วงเทศกาลส่งความสุขจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจในด้านการรักษาฐานลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้ารายใหม่ๆ จากผลการศึกษาหลายฉบับระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า ลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้าบ่อยครั้งมากขึ้นหากรู้สึกมั่นใจในกระบวนการรับคืนสินค้า
  • ดังนั้นผู้ค้าจำเป็นจะต้องรับรู้นโยบายการส่งคืนสินค้าที่ส่งออกไปต่างประเทศของแต่ละประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อลูกค้า เช่น กฏระเบียบของสหภาพยุโรปกำหนดว่าผู้ค้าปลีกออนไลน์ต้องอนุญาตให้ลูกค้าส่งคืนสินค้าที่ไม่ต้องการภายใน 14 วัน

6) เลือกใช้ผู้ให้บริการที่มีความชำนาญด้านลอจิสติกส์

  • หนึ่งในวิธีการที่ใช้ในการส่งออกไปต่างประเทศมากที่สุดคือ การทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านลอจิสติกส์ที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจในการวางแผนจัดส่งสินค้าจำนวนมาก เพราะจะได้รับการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย และไว้ใจได้ โดยเฉพาะกับธุรกิจที่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก ยิ่งต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบวนการจัดส่งออกไปต่างประเทศของคุณสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้หรือไม่
  • รวมถึงความพร้อมที่ต้องรับกับการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งทีมงานฝ่ายลอจิสติกส์ของคุณจะต้องสามารถปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ และดำเนินการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อนได้อย่างทันท่วงที

ดีเอชแอล ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก

ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล โดยกลุ่มบริษัทมียอดรายได้กว่า 60,000 ล้านยูโรในปี 2560

  • ดีเอชแอล ผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ มอบบริการและความเป็นเลิศด้านลอจิสติกส์ทั้งการขนส่งภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งทางบก ทางเรือ และการขนส่งด่วนทางอากาศ ตลอดจนการบริหารซัพพลายเชนในภาคอุตสาหกรรม ด้วยบุคลากรกว่า 360,000 คนใน 220 ประเทศและอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก
  • ดีเอชแอลเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจด้วยความปลอดภัยและบริการที่เชื่อถือได้ซึ่งเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นด้านลอจิสติกส์ที่ครบครันครอบคลุมตลาดและอุตสาหกรรมที่เติบโต ซึ่งหมายรวมถึงธุรกิจด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ชีวภาพและบริการทางการแพทย์ พลังงาน ยานยนต์และการค้าปลีก รวมถึงความมุ่งมั่นในแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและเครือข่ายในตลาดที่กำลังพัฒนา ดีเอชแอลจึงมั่นใจว่าเราเป็น “ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก”