คงคลัง (คือ สินค้าที่ผลิต หรือสั่งซื้อเพื่อนำมาจัดจำหน่าย สินค้าคงคลังเป็นสิ่งสำคัญต่อการให้เพื่อให้สินค้ามีอยู่ตลอดเวลาเมื่อลูกค้าต้องการจะซื้อ

การจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ มีอะไรบ้าง ?

  • 1. การกำจัดสินค้า dead stock (สินค้าที่ไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน) และสินค้า slow moving (สินค้าที่ถูกขายออกไปช้า อาจจะเดือนละครั้ง หรือ สองเดือนครั้ง) ซึ่งการจัดการลดกลุ่มสินค้าเหล่านี้เป็นการช่วยลดต้นทุนทั้งในคลังสินค้า (warehousing) การจัดสินค้าในคลัง (handling) การขนส่ง (transportation)
  • 2. การทำ (80/20 rule) สำหรับสต๊อกสินค้า หมายถึง การวิเคราะห์ดูว่า 80% ของรายได้มาจากการขายสินค้าเพียง 20% ของสินค้ารวมทั้งหมด ซึ่งในทางกลับกันสินค้าอีก 80% อาจทำรายได้ให้กับบริษัทเพียง 20% เท่านั้น
    • สินค้ากลุ่ม A เป็นสินค้าหลักที่เคลื่อนไหวเร็ว เป็นที่ต้องการของลูกค้าควรเก็บสินค้าให้สมดุลกับระยะเวลาในการสั่งซื้อ หรือ ผลิต จนถึงความพร้อมที่จะมีสินค้าเหล่านั้นในสต๊อก และจัดการระบบการเติมสต๊อกให้ถี่ขึ้น
    • สินค้ากลุ่ม B เป็นสินค้าที่มีความนิยมระดับกลาง ควรจะจัดการระบบการเติมสต๊อกให้น้อยกว่าสินค้ากลุ่มแรก
    • สินค้ากลุ่ม C เป็นสินค้าที่มักจะมีทั้งรายการ (item) และจำนวน (quantity) มากในคลังสินค้า เพราะเกิดจากการที่สินค้าขายไม่ออก หรือหมดความนิยมในตลาด จะต้องเช็คข้อมูลต่างๆเพื่อตัดสินใจ ที่จะหยุดการผลิต หรือจะสั่งเมื่อสินค้าหมดสต็อกเท่านั้น
  • 3. การบริหารจัดการสินค้าคงคลังฝั่งผู้ผลิต คือ การจัดระบบการซื้อสินค้าโดยการทำข้อตกลงกับคู่ค้าหรือผู้ผลิต ทำให้คู่ค้าสามารถทำการอัพเดตข้อมูล และทราบความต้องการของลูกค้าร่วมกัน