คำศัพท์โลจิสติกส์พื้นฐาน: ทำความเข้าใจ ABC, EOQ, ROP และ Safety Stock
การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานในโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือตัวอย่างที่ละเอียดสำหรับแต่ละคำศัพท์:
1. การจัดการคลังสินค้า ABC (ABC Inventory Classification)
เครื่องคำนวณออนไลน์ การจัดการคลังสินค้า ABC
การจัดการคลังสินค้าแบบ ABC ใช้ในการจัดการสินค้าคงคลังโดยการแบ่งสินค้าตามมูลค่าและความสำคัญ:
- ประเภท A:
- ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณเป็นผู้จัดการคลังสินค้าที่จัดการสินค้าสำหรับโรงงานผลิตอิเล็กทรอนิกส์และพบว่าวัสดุไฟฟ้าหรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการผลิตมีมูลค่าสูง เช่น ชิปคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงและมีการใช้เป็นจำนวนมาก การควบคุมสินค้าประเภท A จำเป็นต้องใช้ระบบการติดตามสินค้าคงคลังที่เข้มงวด เช่น ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) และตรวจนับสินค้าทุกวัน การจัดเก็บจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและการจัดซื้อควรทำจากหลายผู้ขายเพื่อป้องกันการขาดแคลนและลดความเสี่ยงด้านราคา
- ประเภท B:
- ตัวอย่าง: วัสดุหรืออุปกรณ์ที่มีมูลค่าปานกลาง เช่น เครื่องมือช่างหรืออุปกรณ์เสริมที่ใช้ในการผลิตซึ่งมีการใช้งานบ่อย แต่ราคาน้อยกว่าสินค้าประเภท A การควบคุมจะทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่เข้มงวดเท่ากับประเภท A การตรวจนับอาจทำได้ทุกสิ้นเดือน
- ประเภท C:
- ตัวอย่าง: วัสดุหรืออุปกรณ์ที่มีมูลค่าต่ำ เช่น น็อตและสกรู หรือวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำรุงรักษาและมีปริมาณมาก การควบคุมจะเป็นแบบพื้นฐาน เช่น การจัดเก็บและการตรวจนับอาจทำได้เป็นครั้งคราว เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาต่ำและมีจำนวนมาก
การใช้ระบบ ABC ช่วยให้การจัดการคลังสินค้าสามารถมองเห็นต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นและทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (Economic Order Quantity: EOQ)
เครื่องคำนวณออนไลน์ EOQ
EOQ เป็นวิธีการหาปริมาณการสั่งซื้อที่ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมต่ำที่สุด สูตรในการคำนวณ EOQ คือ:
EOQ = สูตร eoq = √ 2 DO / C
ตัวอย่างการคำนวณ EOQ:
- ข้อมูล:
- ความต้องการสินค้า (D) = 10,000 หน่วยต่อปี
- ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ (O) = 50 บาทต่อการสั่งซื้อ
- ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ (C) = 1 บาทต่อหน่วยต่อปี
- การคำนวณ: EOQ EOQ= √ 2×10,000×50 = √ 1,000,000 = 1,000 หน่วย
การใช้ EOQ จะช่วยให้คุณสั่งซื้อสินค้าตามปริมาณที่ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมทั้งการสั่งซื้อและการจัดเก็บต่ำที่สุด
3. จุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point: ROP)
ROP คือระดับสินค้าคงคลังที่บ่งบอกถึงเวลาที่ควรเริ่มสั่งซื้อสินค้าใหม่เพื่อป้องกันการขาดแคลน การคำนวณ ROP ใช้สูตร:
ROP = เวลานำ × อัตราการใช้สินค้า
ตัวอย่างการคำนวณ ROP:
- ข้อมูล:
- อัตราการใช้สินค้า (การใช้ต่อวัน) = 50 หน่วย
- เวลานำ (Lead Time) = 10 วัน
- การคำนวณ: ROP = 10 × 50 = 500 หน่วย
เมื่อละเอียดในคลังสินค้าลงต่ำกว่า 500 หน่วย คุณควรเริ่มสั่งซื้อสินค้าใหม่เพื่อป้องกันการขาดแคลน
4. สต๊อกเพื่อความปลอดภัย (Safety Stock)
Safety Stock คือปริมาณสินค้าที่เก็บไว้เพื่อป้องกันการขาดแคลนจากความไม่แน่นอนของความต้องการหรือเวลานำ การกำหนด Safety Stock มักจะพิจารณาจากระดับการให้บริการที่ต้องการ เช่น 90%, 95%, หรือ 99%
ตัวอย่างการคำนวณ Safety Stock:
- ข้อมูล:
- การเปลี่ยนแปลงในความต้องการสินค้า = 20 หน่วย
- ความต้องการสินค้าในช่วงเวลานำ = 50 หน่วย
- ระดับการให้บริการที่ต้องการ = 95%
- การคำนวณ:
- ถ้าความผันผวนของความต้องการสินค้าต่อวันคือ 5 หน่วย การกำหนด Safety Stock อาจจะใช้สูตรง่าย ๆ เช่น:
- สมมติค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคือ 5 หน่วย Safety Stock = 5 × 1.645 = 8.225 หน่วย
- ดังนั้น Safety Stock จะถูกกำหนดไว้ประมาณ 8 หน่วย
ตารางที่สรุปคำศัพท์โลจิสติกส์พื้นฐานแต่ละอัน พร้อมตัวอย่างย่อ ๆ เพื่อความเข้าใจง่าย
คำศัพท์ | ความหมาย | ตัวอย่างย่อ ๆ |
---|---|---|
ABC Inventory Classification | การจัดประเภทสินค้าคงคลังตามความสำคัญและมูลค่า แบ่งเป็น A, B, และ C | – ประเภท A: ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องควบคุมเข้มงวด – ประเภท B: อุปกรณ์เสริมที่ใช้บ่อยแต่ควบคุมปานกลาง – ประเภท C: น็อตและสกรูที่มีราคาต่ำและควบคุมน้อย |
Economic Order Quantity (EOQ) | ปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมในการสั่งซื้อและจัดเก็บต่ำที่สุด | การสั่งซื้อสินค้าในปริมาณ 1,000 หน่วยตามสูตร EOQ ช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อและจัดเก็บสินค้า |
Reorder Point (ROP) | จุดที่ควรเริ่มสั่งซื้อสินค้าใหม่เพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้า | เมื่อสินค้าลงต่ำกว่า 500 หน่วย ควรเริ่มสั่งซื้อใหม่เพื่อให้สินค้าพอเพียงในช่วงเวลานำ (Lead Time) |
Safety Stock | ปริมาณสินค้าปลอดภัยที่เก็บไว้เพื่อป้องกันการขาดแคลนจากความไม่แน่นอน | การเก็บ Safety Stock 8 หน่วยเพื่อป้องกันปัญหาขาดแคลนในกรณีที่ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด |
ตารางนี้สรุปข้อมูลที่สำคัญสำหรับแต่ละคำศัพท์ โดยรวมตัวอย่างที่เป็นภาพรวมและชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย