สรุป! ต้นทุนโลจิสติกส์ 4 ประเภทหลักที่ต้องรู้

ต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์: 4 ประเภทหลักที่ควรรู้

ต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักที่สำคัญ ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทและความสำคัญที่แตกต่างกันในการบริหารจัดการโลจิสติกส์:

  1. ต้นทุนการขนส่ง ( Costs) ต้นทุนการขนส่งเกิดจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขนส่ง น้ำหนักของสินค้า ระยะทาง และจุดหมายปลายทาง ต้นทุนเหล่านี้อาจแตกต่างกันตามวิธีการขนส่งที่เลือก เช่น การขนส่งทางบก, ทางทะเล หรือทางอากาศ
  2. ต้นทุนคลังสินค้า (Warehousing Costs) ต้นทุนคลังสินค้าหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า เช่น ค่าที่ดิน ค่าอุปกรณ์และคลังสินค้า ต้นทุนเหล่านี้มีความผันแปรตามชนิดและปริมาณของสินค้า รวมถึงการจัดการภายในคลังสินค้า เช่น การจัดเรียง การบำรุงรักษา
  3. ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory ) ต้นทุนนี้เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง ซึ่งรวมถึง:
    • ต้นทุนเงินทุน (Capital Costs): ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินค้าคงคลัง
    • ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Costs): การสูญเสียโอกาสจากการลงทุนในสินค้าคงคลัง
    • ต้นทุนการดูแลสินค้า: เช่น ค่าประกันภัย และภาษี
    • ต้นทุนพื้นที่การจัดเก็บ: ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่จัดเก็บซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณของสินค้า
    • ต้นทุนความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากการล้าสมัยและการลักขโมย
  4. ต้นทุนการบริหาร () ต้นทุนการบริหารเกิดจากกิจกรรมหลักที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโลจิสติกส์:
    • ระดับการให้บริการ (Customer Level): ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการบริการลูกค้า เช่น การจัดการ
    • ต้นทุนกระบวนการสั่งซื้อและระบบสารสนเทศ (Order Processing and Information Costs): ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลคำสั่งซื้อ การจัดการข้อมูล และการพยากรณ์อุปสงค์
    • ต้นทุนปริมาณ (Lot Quantity Costs): ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับปริมาณสินค้าที่จัดซื้อและผลิต

ตารางข้อดี ข้อเสีย และประโยชน์ของต้นทุนสินค้าในด้านโลจิสติกส์

ประเภทต้นทุนข้อดีข้อเสียประโยชน์
ต้นทุนการขนส่ง (Transportation Costs)– ลดต้นทุนการขนส่งได้หากมีการอย่างดี
– เพิ่มความรวดเร็วในการ
– ต้นทุนสามารถสูงขึ้นตามระยะทางและน้ำหนัก
– อาจมีความเสี่ยงในการขนส่ง
– ช่วยในการจัดการปริมาณสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
– ลดเวลาการจัดส่ง
ต้นทุนคลังสินค้า (Warehousing Costs)– สามารถจัดเก็บสินค้าได้ตามความต้องการ
– เพิ่มความสะดวกในการจัดการสต็อก
– ต้นทุนการจัดเก็บอาจสูง
– พื้นที่จัดเก็บอาจจำกัดตามปริมาณสินค้า
– ช่วยให้การจัดการสต็อกเป็นไปอย่างมีระเบียบ
– ลดปัญหาการขาดแคลนสินค้า
ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Costs)– ช่วยในการควบคุมสินค้าคงคลัง
– เพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
– ต้นทุนอาจสูงจากการเก็บรักษา
– ความเสี่ยงจากการล้าสมัยของสินค้า
– ช่วยในการลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้า
– ปรับปรุงการบริหารสินค้าคงคลัง
ต้นทุนการบริหาร (Administration Costs)– ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
– ลดข้อผิดพลาดในการจัดการคำสั่งซื้อ
– อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง
– ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ
– สนับสนุนการบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
– ลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการจัดการ

ตัวอย่างการจัดต้นทุนในร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง

ประเภทต้นทุนตัวอย่างข้อดีข้อเสียประโยชน์
ต้นทุนการขนส่ง (Transportation Costs)– ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ไปยังร้าน
– ค่าขนส่งในการเติมสินค้าในแต่ละวัน
– การจัดการสินค้าสม่ำเสมอ
– สามารถลดต้นทุนโดยการเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม
– ต้นทุนอาจสูงตามระยะทางและน้ำหนัก
– ความเสี่ยงจากการล่าช้าในการจัดส่ง
– ช่วยให้สินค้าถึงร้านทันเวลา
– ป้องกันการขาดแคลนสินค้าสำคัญ
ต้นทุนคลังสินค้า (Warehousing Costs)– ค่าเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าในร้าน
– ค่าบำรุงรักษาและในร้านสะดวกซื้อ
– สามารถจัดเก็บสินค้าได้ตามความต้องการ
– เพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการสต็อก
– ต้นทุนค่าเช่าและบำรุงรักษาสูง
– พื้นที่จัดเก็บอาจจำกัดตามขนาดร้าน
– ช่วยให้การจัดการสินค้าสะดวกและเป็นระเบียบ
– ลดปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือขาดแคลน
ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Costs)– ค่าประกันภัยสินค้าคงคลัง
– ค่าภาษีและค่าบำรุงรักษา
– ต้นทุนการเสียโอกาสจากการเก็บสินค้าคงคลังมากเกินไป
– การควบคุมสินค้าคงคลังช่วยลดความเสี่ยง
– ช่วยจัดการความต้องการของลูกค้าได้ดี
– ต้นทุนสูงจากการเก็บรักษาและความเสี่ยง
– การเก็บสินค้าคงคลังมากอาจสูญเสียพื้นที่
– ช่วยให้มีสินค้าพร้อมขายตลอดเวลา
– ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้าสำคัญ
ต้นทุนการบริหาร (Administration Costs)– ค่าใช้จ่ายในการจัดการคำสั่งซื้อ
– ค่าพนักงานที่รับผิดชอบการจัดการคำสั่งซื้อและการดูแลลูกค้า
– ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
– ลดข้อผิดพลาดในการดำเนินการ
– ต้นทุนสูงจากค่าจ้างพนักงานและระบบจัดการ
– ความซับซ้อนในการจัดการเพิ่มต้นทุน
– เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
– ลดเวลาและความผิดพลาดในการจัดการคำสั่งซื้อ

การจัดการต้นทุนสำหรับร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง:

  1. ต้นทุนการขนส่ง: จัดการต้นทุนโดยการวางแผนเส้นทางการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ เลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีค่าใช้จ่ายเหมาะสม และตรวจสอบประสิทธิภาพของการจัดส่งอย่างสม่ำเสมอ
  2. ต้นทุนคลังสินค้า: ใช้ระบบจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการสินค้า ลดค่าเช่าพื้นที่โดยการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง: ควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังให้เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการเก็บรักษาและความเสี่ยงจากสินค้าล้าสมัยหรือเสียหาย
  4. ต้นทุนการบริหาร: ใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเพื่อลดความซับซ้อนในการจัดการคำสั่งซื้อและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า

การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ร้านสะดวกซื้อสามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ดีขึ้น