7 มหาวิทยาลัยเอกชนดังในกรุงเทพฯ ที่เปิดสอนสาขาและโซ่อุปทาน: และข้อมูลหลักสูตร

หมายเหตุ: ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อและสอบถามกับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันศึกษาที่เปิดสอนโดยตรงเพื่อข้อมูลที่อัปเดตและแม่นยำ

1. ย์
เว็บไซต์

  • วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA)
    • หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน: ค่าเทอม 248,000 บาท
    • หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี ภาคพิเศษ): ค่าเทอม 258,000 บาท
    • หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (2 ปี ภาคพิเศษ): ค่าเทอม 146,800 บาท
  • วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE)
    • สาขาวิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์: ค่าเทอม 316,100 บาท

2. มหาวิทยาลัยศรีปทุม
เว็บไซต์

  • วิทยาลัย
    • สาขาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน: ค่าเทอม 255,000 บาท (รวมค่าอุปกรณ์ – ตำราเรียน 2,530 บาท)
    • วิศวกรรมอุตสาหการ (โลจิสติกส์/กระบวนการอุตสาหกรรม): ค่าเทอม 335,400 บาท (รวมค่าอุปกรณ์ – ตำราเรียน 2,310 บาท)

3. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เว็บไซต์

  • คณะบริหารธุรกิจ
    • สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน: ค่าเทอมเทอมแรก 25,580 บาท ตลอดหลักสูตร 306,480 บาท

4. มหาวิทยาลัยรังสิต
เว็บไซต์

  • คณะบริหาร การจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน
    • เรียนจบ 4 ปี: ค่าเทอม 244,000 บาท
    • เรียนจบ 3 ปีครึ่ง: ค่าเทอม 234,500 บาท
    • เรียนจบ 3 ปี: ค่าเทอม 229,500 บาท

5. (พีไอเอ็ม)
เว็บไซต์

  • คณะการจัดการโลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่ง
    • ค่าเทอมตลอดหลักสูตร 263,800 บาท

6. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
เว็บไซต์

  • หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีโลจิสติกส์
    • แผน ก. (ทำวิทยานิพนธ์): ค่าเทอม 108,400 บาท
    • แผน ข. (ไม่ทำวิทยานิพธ์): ค่าเทอม 100,400 บาท

7. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เว็บไซต์

  • คณะบริหารธุรกิจ
    • สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์: ค่าเทอมตลอดหลักสูตร ภาคปกติ 288,050 บาท
  • คณะวิศวกรรมศาสตร์
  • หลักสูตรเทียบโอน ปวส. วิศวกรรมโลจิสติกส์
    • ค่าเทอมตลอดหลักสูตร 236,750 บาท
  • วิทยาลัยนานาชาติ / International College
    • สำหรับนักศึกษาคนไทย: คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการโลจิสติกส์: ค่าเทอมตลอดหลักสูตร 368,450 บาท

อาชีพในสายโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

มีหลากหลายตำแหน่งที่สามารถสร้างรายได้ที่ดี และมีโอกาสในการเติบโตและต่อยอดในสายอาชีพได้ นี่คือบางอาชีพในสายโลจิสติกส์ พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับรายได้และโอกาสในการเติบโต:

1. ผู้จัดการโลจิสติกส์ ()

  • หน้าที่หลัก: ดูแลและบริหารจัดการการ การจัดเก็บสินค้า และการจัดการคลังสินค้า
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 60,000 – 120,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และขนาดขององค์กร
  • โอกาสเติบโต: สามารถเติบโตไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงเช่น Director of Logistics หรือ Supply Chain Director

2. ผู้ประสานงานซัพพลายเชน (Supply Chain Coordinator)

  • หน้าที่หลัก: จัดการการไหลของสินค้าจากผู้ผลิตไปยังลูกค้า รวมถึงการประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 40,000 – 80,000 บาทต่อเดือน
  • โอกาสเติบโต: สามารถก้าวสู่ตำแหน่งผู้จัดการซัพพลายเชน หรือผู้จัดการฝ่ายซัพพลายเชน

3. นักวิเคราะห์ซัพพลายเชน (Supply Chain Analyst)

  • หน้าที่หลัก: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการซัพพลายเชน
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 50,000 – 90,000 บาทต่อเดือน
  • โอกาสเติบโต: สามารถพัฒนาไปสู่ตำแหน่งผู้จัดการวิเคราะห์ซัพพลายเชน หรือที่ปรึกษาด้านซัพพลายเชน

4. เจ้าหน้าที่คลังสินค้า (Warehouse Officer)

  • หน้าที่หลัก: ดูแลการจัดเก็บสินค้าในคลังและการจัดการการขนส่ง
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 30,000 – 60,000 บาทต่อเดือน
  • โอกาสเติบโต: สามารถเติบโตเป็นผู้จัดการคลังสินค้า หรือผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์

5. ผู้จัดการขนส่ง (Transport Manager)

  • หน้าที่หลัก: วางแผนและจัดการการขนส่งสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 60,000 – 100,000 บาทต่อเดือน
  • โอกาสเติบโต: สามารถก้าวสู่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์ หรือผู้บริหารระดับสูง

6. ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อ (Procurement Specialist)

  • หน้าที่หลัก: จัดหาสินค้าและบริการที่จำเป็นสำหรับองค์กร
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 50,000 – 90,000 บาทต่อเดือน
  • โอกาสเติบโต: สามารถเติบโตไปสู่ตำแหน่งผู้จัดการจัดซื้อ หรือที่ปรึกษาด้านการจัดซื้อ

7. ที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์ (Logistics Consultant)

  • หน้าที่หลัก: ให้คำแนะนำและวางแผนในการปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ขององค์กร
  • รายได้เฉลี่ย: ประมาณ 70,000 – 150,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
  • โอกาสเติบโต: สามารถเป็นที่ปรึกษาอิสระ หรือก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในองค์กร

โอกาสในการเติบโตและการต่อยอด:

  • การเรียนรู้และการพัฒนา: การศึกษาเพิ่มเติมและการอบรมสามารถเพิ่มโอกาสในการก้าวหน้าในสายอาชีพ
  • การได้รับใบรับรอง: เช่น การได้รับใบรับรองด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน (เช่น CILT, APICS) สามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • การทำงานในหลายประเทศ: การมีประสบการณ์ทำงานระหว่างประเทศสามารถเปิดโอกาสให้ทำงานในตลาดโลก
  • การเป็นผู้เชี่ยวชาญ: การพัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเฉพาะ เช่น การจัดการซัพพลายเชนระหว่างประเทศ หรือการจัดการการขนส่งเฉพาะทาง

การทำงานในสายโลจิสติกส์และซัพพลายเชนไม่เพียงแต่มีโอกาสเติบโตสูง แต่ยังเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน