กำลังการผลิต (Production Capacity) หมายถึง ความสามารถสูงสุดที่กำลังการผลิต โดยทั่วไปมีหน่วยเป็นปริมาณผลผลิตต่อเวลา เช่น ตัน/ปี คัน/วัน เป็นต้น ผู้บริหารการผลิต จะต้องสนใจกำลังการผลิต ด้วยเหตุผล 3 ประการ
- เพื่อทำการผลิตสินค้า และบริการให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า
- กำลังการผลิตที่มีอยู่ มีผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินการ ตลอดจนการจัดลำดับการผลิต และต้นทุนการผลิต
- การที่จะให้ได้มาซึ่งกำลังการผลิต จะต้องมีการลงทุน การตัดสินใจว่าจะขยายกำลังการผลิตไปมากหรือน้อยเพียงใดจึงจะให้ผลตอบแทนในการลงทุนสูงที่สุด
การตัดสินใจวางแผนกำลังการผลิต ประกอบด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้
- ประเมินกำลังการผลิตที่มีอยู่
- พยากรณ์ความต้องการกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการ
- กำหนดทางเลือกเพื่อปรับกำลังการผลิต
- วิเคราะห์ และประเมินผลด้านการเงิน การตลาด และเทคนิคแต่ละทางเลือกที่กำหนดไว้
- เลือกทางเลือกสำหรับปรับปรุงกำลังการผลิตที่ดีที่สุด
การวัดกำลังการผลิต ในอุตสาหกรรมการผลิต จะสามารถวัดกำลังการผลิตได้ 2 ประการ คือ
กลยุทธ์การปรับกำลังการผลิต เมื่อความต้องการสินค้าในอนาคต ไม่สอดคล้องกับความต้องการการผลิต ผู้บริหารอาจใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อปรับกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ กลยุทธ์ (STRATEGY) ที่ใช้สำหรับการปรับกำลังการผลิต จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลยุทธ์ระยะสั้น โดยปกติจะวางแผนสำหรับช่วงสั้น ๆ คือ 3-6 เดือน แต่ส่วนมากจะไม่เกิน 1 ปี
- กลยุทธ์ระยะยาว ธุรกิจทั่วไปมักจะวางแผนกลยุทธ์สำหรับดำเนินธุรกิจในช่วง 3-5 ปี
การตอบสนองความต้องการสินค้าระยะสั้น กำลังการผลิต อาจจะมีมากกว่า หรือน้อยกว่าความต้องการสินค้า กลยุทธ์เพื่อปรับกำลังการผลิต ให้สอดคล้องกับความต้องการสินค้า อาจทำได้ดังนี้
- เก็บสินค้าคงเหลือ กรณีที่มีกำลังการผลิตสูงกว่าความต้องการสินค้าของตลาด ฝ่ายผลิตอาจจะเก็บสินค้าที่เหลือไว้สำหรับจำหน่ายในช่วงต่อไป (กรณีผลิตมากกว่าความต้องการสินค้า)
- ค้างส่งสินค้า ถ้ากำลังการผลิตน้อยกว่าปริมาณความต้องการสินค้าของตลาด ผู้บริหารการผลิต อาจจะใช้กลยุทธ์ส่งสินค้าล่าช้า โดยค้างส่งปริมาณสินค้าที่ผลิตไม่ทันไว้ก่อน เมื่อปริมาณความตองการสินค้าในช่วงต่อไปลดลงใกล้เคียง หรือน้อยกว่ากำลังการผลิต จึงจัดส่งสินค้าส่วนที่เหลือ
- ปรับระดับพนักงาน ผู้บริหาอาจจะจ้างเพิ่ม หรือลดจำนวนพนักงานลงให้สอดคล้องกับการผลิต ที่ตอบสนองกับความต้องการของตลาดพอดี
- ปรับระดับการใช้แรงงาน ให้พนักงานทำงานล่วงเวลาในช่วงที่ต้องเพิ่มกำลังการผลิต หรือยอมปล่อยให้พนักงานมีเวลาว่างในช่วงที่มีความต้องการสินค้าลดลง
- การอบรมพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีความสามารถหลาย ๆ อย่าง ให้เหมาะสมที่จะช่วยจัดสรรกำลังคนเพื่อการผลิตในลักษณะหมุนเวียนงาน (JOB ROTATION)
- การออกแบบกระบวนการผลิตใหม่ การปรับปรุงสายการผลิตหรือกระบวนการ อาจจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ โดยไม่จำเป้นต้องเพิ่มแรงงาน หรือเครื่องจักร
- การจ้างเหมาช่วง กรณีที่มีความต้องการสินค้าสูงกว่ากำลังการผลิต อาจจะใช้วิธีการเหมาช่วงให้โรงงานอื่นรับงานไปทำชั่วคราว
- การซ่อมบำรุงเครื่องจักร ในช่วงที่มีความต้องการสินค้าน้อย อาจจะหยุดเครื่องจักรเพื่อทำการซ่อมบำรุง
กลยุทธ์ต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น อาจจะเหมาะสมกับบางสถาณการณ์เท่านั้น ผู้บริหารการผลิตต้องตัดสินใจประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถารการณืของตนเอง
การตอบสนองความต้องการสินค้าในระยะยาว ในระยะยาวความต้องการสินค้าอาจจะเพิ่มขึ้น หรือลดลงจากปัจจุบัน กลยุทธ์ที่จะตอบสนองความต้องการสินค้า อาจจะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ
- การขยายกำลังการผลิต
- การคงกำลังการผลิตไว้ เมื่อความต้องการสินค้าลดลง
เมื่อความต้องการสินค้าในระยะยาวเพิ่มขึ้น การตัดสินใจว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตโดยการเพิ่มเครื่องจักร หรือการขยายโรงงาน จะขึ้นอยู่กับต้นทุน หรือผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยทั่วไปต้นทุนการผลิตต่อหน่วยของสินค้า จะสัมพันธ์กับกำลังการผลิต ต้นทุนต่อหน่วยจะมีค่าต่ำสุด เมื่อทำการผลิตที่กำลังการผลิตพอดี
ระยะเวลาสำหรับการวางแผนกำลังการผลิต
- การวางแผนระยะสั้น (Short Run planning) จะพิจารณาในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้เพื่อให้สามารถปฏิบัติการได้ถูกต้องแม่นยำ
- การวางแผนระยะยาว (Long Run Planning) ได้จากประมาณการที่ต้องวางแผนกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี อาจจะเป็น 3 หรือ 5 ปี เป็นอย่างน้อย เช่นการพิจารณามูลค่าเงินปัจจุบันที่จะได้ในอนาคต Present Value การวางแผนกำลังการผลิตรวมAggregate Planning การพิจารณามูลค่าการลงทุนในระยะยาว เป็นต้น โดยนำมาเปรียบเทียบกับกำลังการผลิตในปัจจุบัน
รูปแบบของการวางแผนกำลังการผลิต (CAPACITY PLANNING MODELS) ทางเลือกในการเลือกรูปแบบ (Modeling Alternatives) จะเลือกรูปแบบใดเพื่อช่วยในการวางแผน
- Present Value : PV จะเป็นเครื่องมือ/รูปแบบที่ช่วยตัดสินใจ เมื่อนำมาพิจารณาระยะเวลาในการลงทุนและงบกระแสเงินสด
- Aggregate Planning Models: เหมาะสมที่จะว่าการผลิตภายใต้กำลังการผลิตปัจจุบันในระยะสั้น
- Breakeven Analysis: สามารถแสดงจุดคุ้มทุนในปริมาณการผลิตที่น้อยที่สุด เมื่อทางเลือกในการขยายกำลังการผลิตจะประมาณการได้จากรายได้จากการขาย
- Linear Programming: ประเมินกำลังการผลิตระยะสั้น (Short Run)
- การนำ Linear Programming มาประยุกต์ใช้กับกำลังการผลิตสินค้าที่มีหลายชนิด (Product Mixed) การวางแผนกำลังการผลิตระยะสั้น