ระบบการควบคุมคืออะไร ? ทำความเข้าใจการจัดการ

ระบบ (Inventory Control System) คืออะไร?

(Inventory Control System) เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการจัดการและติดตามสินค้าคงคลังในธุรกิจ ระบบนี้มีบทบาทในการบัญชีและตรวจนับสินค้าคงคลัง เพื่อให้ธุรกิจสามารถทราบจำนวนสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสามารถวางแผนการสั่งซื้อสินค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้วมีระบบการควบคุมสินค้าคงคลังหลักๆ ดังนี้

1. ระบบสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง (Perpetual Inventory System)

ระบบนี้ทำการอัปเดตบัญชีสินค้าคงคลังทุกครั้งที่มีการรับหรือจ่ายสินค้า ซึ่งช่วยให้บัญชีคุมยอดแสดงยอดคงเหลือที่แท้จริงของสินค้าคงคลังอยู่เสมอ การใช้เทคโนโลยีอย่างเช่น หรือรหัสสากล (EAN13) และเครื่องอ่านบาร์โค้ด (Laser Scan) สามารถเพิ่มความแม่นยำและลดความผิดพลาดในการควบคุมสินค้าคงคลังได้

ข้อดีของระบบนี้:

  • ลดความจำเป็นในการเผื่อสินค้าคงคลัง
  • สามารถตรวจสอบสินค้าคงคลังแต่ละรายการได้อย่างละเอียด
  • การใช้ข้อมูลที่แม่นยำช่วยในคงคลังได้ดีขึ้น

2. ระบบสินค้าคงคลังเมื่อสิ้นงวด (Periodic Inventory System)

ระบบนี้ทำการลงบัญชีสินค้าคงคลังตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น สิ้นสัปดาห์หรือสิ้นเดือน ซึ่งเหมาะสำหรับสินค้าที่มีการสั่งซื้อและเบิกใช้ในช่วงเวลาที่กำหนด ระบบนี้มักจะมีระดับสินค้าคงคลังสูงกว่า เพราะมีการเผื่อสำรองการขาดมือ

ข้อดีของระบบนี้:

  • ใช้เวลาน้อยลงในการควบคุมและเสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
  • เหมาะสำหรับการสั่งซื้อสินค้าหลายชนิดจากผู้ขายรายเดียว
  • ในการเก็บข้อมูลสินค้าคงคลัง

3. ระบบการจำแนกสินค้าคงคลังเป็นหมวดเอบีซี (ABC Analysis)

ระบบนี้ใช้วิธีการจำแนกสินค้าคงคลังออกเป็นหมวดหมู่ A, B, และ C ตามปริมาณและมูลค่าของสินค้าคงคลังแต่ละรายการ ซึ่งช่วยลดภาระในการดูแลและควบคุมสินค้าคงคลัง

  • หมวดหมู่ A: สินค้าที่มีปริมาณน้อย (5-15%) แต่มีมูลค่ารวมสูง (70-80%)
  • หมวดหมู่ B: สินค้าที่มีปริมาณปานกลาง (30%) และมูลค่ารวมปานกลาง (15%)
  • หมวดหมู่ C: สินค้าที่มีปริมาณมาก (50-60%) แต่มีมูลค่ารวมต่ำ (5-10%)

ตารางสรุปของระบบการควบคุมสินค้าคงคลัง:

ระบบการควบคุมสินค้าคงคลังคำอธิบายข้อดี
ระบบสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง (Perpetual Inventory System)ลงบัญชีทุกครั้งที่มีการรับและจ่ายสินค้า ทำให้บัญชีคุมยอดแสดงยอดคงเหลือที่แท้จริงอยู่เสมอ– ลดความจำเป็นในการเผื่อสินค้าคงคลัง
– ตรวจสอบสินค้าคงคลังแต่ละรายการได้อย่างละเอียด
– ใช้ข้อมูลที่แม่นยำในการจัดการ
ระบบสินค้าคงคลังเมื่อสิ้นงวด (Periodic Inventory System)ลงบัญชีตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น สิ้นสัปดาห์หรือสิ้นเดือน– ใช้เวลาน้อยลงในการควบคุม
– ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
– เหมาะสำหรับการสั่งซื้อหลายชนิดจากผู้ขายเดียว
– ลดค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูล
ระบบการจำแนกสินค้าคงคลังเป็นหมวดเอบีซี (ABC Analysis)จำแนกสินค้าคงคลังออกเป็นหมวดหมู่ A, B, และ C ตามปริมาณและมูลค่า– ลดภาระในการดูแล
– ช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
– เน้นการควบคุมสินค้าคงคลังที่มีมูลค่าสูง

หมวดหมู่ของสินค้าคงคลัง

หมวดหมู่ปริมาณมูลค่า
A5-15% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด70-80% ของมูลค่าทั้งหมด
B30% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด15% ของมูลค่าทั้งหมด
C50-60% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด5-10% ของมูลค่าทั้งหมด

ตารางนี้สรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบการควบคุมสินค้าคงคลังในรูปแบบที่และช่วยให้คุณสามารถข้อดีและคุณลักษณะของแต่ละระบบ


ตัวอย่างการควบคุมสินค้าคงคลังในร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง

1. ระบบสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง (Perpetual Inventory System)

การจัดการ:

  • ใช้ระบบ ที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลสินค้าคงคลัง
  • ทุกครั้งที่มีการขายหรือรับสินค้า ระบบจะทำการอัปเดตยอดคงเหลือโดยอัตโนมัติ
  • ใช้บาร์โค้ดหรือรหัสสินค้า (SKU) เพื่อติดตามสินค้าทุกชนิด

ตัวอย่าง:

  • สินค้าเช่น น้ำดื่มและขนมขบเคี้ยวจะมีการสแกนบาร์โค้ดเมื่อมีการขาย และระบบจะอัปเดตยอดคงเหลือในเวลาจริง
  • เมื่อยอดสินค้าถึงระดับที่กำหนด ระบบจะส่งการแจ้งเตือนให้พนักงานสั่งซื้อเพิ่ม

ข้อดี:

  • มีข้อมูลสินค้าคงคลังที่แม่นยำเสมอ
  • ลดความเสี่ยงของสินค้าขาดมือ
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งซื้อและจัดการสินค้า

2. ระบบสินค้าคงคลังเมื่อสิ้นงวด (Periodic Inventory System)

การจัดการ:

  • ทำการตรวจนับสินค้าคงคลังตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น สิ้นสัปดาห์หรือสิ้นเดือน
  • บันทึกข้อมูลการรับและจ่ายสินค้าตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ทำการตรวจนับ
  • ใช้ข้อมูลที่รวบรวมเพื่อตัดสินใจในการสั่งซื้อสินค้า

ตัวอย่าง:

  • พนักงานจะทำการตรวจนับสินค้าทุกปลายสัปดาห์และบันทึกจำนวนที่มีอยู่
  • สั่งซื้อสินค้าตามความต้องการที่คำนวณจากยอดขายและการตรวจนับ

ข้อดี:

  • ง่ายต่อการจัดการและติดตาม
  • ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการสินค้าคงคลัง
  • เหมาะสำหรับสินค้าที่มีการหมุนเวียนต่ำ

3. ระบบการจำแนกสินค้าคงคลังเป็นหมวดเอบีซี (ABC Analysis)

การจัดการ:

  • จำแนกสินค้าตามมูลค่าและปริมาณการขาย เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการควบคุม
  • จัดการสินค้าหมวด A (สินค้าที่มีมูลค่าสูง) ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
  • สินค้าหมวด B และ C อาจมีการควบคุมที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ตัวอย่าง:

  • สินค้าเช่น ยาสามัญประจำบ้านและอาหารที่มีความต้องการสูงจะอยู่ในหมวด A
  • สินค้าเช่น อุปกรณ์เสริมเล็กๆ น้อยๆ ที่มีการขายน้อยจะอยู่ในหมวด C

ข้อดี:

  • ช่วยให้การจัดการสินค้าคงคลังมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสินค้า
  • ช่วยในการวางแผนสต็อกได้ดียิ่งขึ้น

ตารางที่สรุปการควบคุมสินค้าคงคลังในร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง:

ระบบการควบคุมสินค้าคงคลังการจัดการตัวอย่างข้อดี
ระบบสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง (Perpetual Inventory System)– ใช้ระบบ POS เชื่อมต่อฐานข้อมูล
– อัปเดตยอดคงเหลือโดยอัตโนมัติ
– ใช้บาร์โค้ดหรือรหัสสินค้า (SKU)
– น้ำดื่ม, ขนมขบเคี้ยว
– สแกนบาร์โค้ดเมื่อขาย
– อัปเดตยอดคงเหลือในเวลาจริง
– ข้อมูลแม่นยำเสมอ
– ลดความเสี่ยงสินค้าขาดมือ
– เพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งซื้อ
ระบบสินค้าคงคลังเมื่อสิ้นงวด (Periodic Inventory System)– ตรวจนับสินค้าตามช่วงเวลาที่กำหนด
– บันทึกข้อมูลการรับและจ่ายสินค้าตั้งแต่ครั้งล่าสุด
– คำนวณความต้องการสั่งซื้อใหม่
– ตรวจนับสินค้าทุกปลายสัปดาห์
– สั่งซื้อสินค้าตามความต้องการ
– ง่ายต่อการจัดการ
– ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ
– เหมาะสำหรับสินค้าหมุนเวียนต่ำ
ระบบการจำแนกสินค้าคงคลังเป็นหมวดเอบีซี (ABC Analysis)– จำแนกสินค้าตามมูลค่าและปริมาณการขาย
– จัดการสินค้าหมวด A ด้วยความระมัดระวัง
– ควบคุมสินค้าหมวด B และ C ผ่อนคลายมากขึ้น
– หมวด A: ยาสามัญ, อาหารที่มีความต้องการสูง
– หมวด B: สินค้าปานกลาง
– หมวด C: อุปกรณ์เสริมเล็กน้อย
– จัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
– ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสินค้า
– วางแผนสต็อกได้ดีขึ้น