คงคลัง () ใน

คงคลังโดยใช้ระบบ ABC (Activity Based Costing) มีความสำคัญต่อการบริหารคลังสินค้าอย่างมาก เพราะช่วยให้เราควบคุมและจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งสินค้าตามความสำคัญดังนี้:

ประเภท A: ควบคุมอย่างเข้มงวด

:

  • การควบคุมที่แม่นยำ: บันทึกและการรับจ่ายสินค้าทุกครั้งอย่างละเอียด
  • ลด: การตรวจนับจำนวนสินค้าจริงบ่อยๆ ช่วยให้สามารถจัดการกับการขาดแคลนและความไม่ถูกต้องได้ทันท่วงที
  • การเจรจาต่อรอง: การมีหลายผู้ขายช่วยให้สามารถเจรจาต่อรองราคาและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลน

:

  • ค่าใช้จ่ายสูง: การตรวจสอบบ่อยและการจัดเก็บในที่ปลอดภัยอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
  • ความซับซ้อนในการจัดการ: การควบคุมที่เข้มงวดอาจต้องใช้ทรัพยากรมากในการบริหาร

ตารางการจัดการ:

รายการควบคุม A
ความถี่การตรวจนับทุกสัปดาห์
วิธีการเก็บเก็บในที่ปลอดภัย
การจัดซื้อหาผู้ขายหลายราย

ผลกระทบต่อ: การควบคุมอย่างเข้มงวดทำให้การจัดการคลังสินค้ามีความแม่นยำสูง แต่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอาจเพิ่มขึ้น

ประเภท B: ควบคุมอย่างเข้มงวดปานกลาง

ข้อดี:

  • ความคุ้มค่า: การตรวจสอบและบันทึกยังคงมีความแม่นยำ แต่ลดความถี่ในการตรวจนับ
  • การควบคุมที่พอเพียง: ป้องกันการสูญหายและจัดการสินค้าคงคลังได้ดีในระดับปานกลาง

ข้อเสีย:

  • การสูญเสียที่เป็นไปได้: การตรวจนับที่น้อยกว่าประเภท A อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในระยะยาว

ตารางการจัดการ:

รายการควบคุม B
ความถี่การตรวจนับทุกสิ้นเดือน
วิธีการเก็บเก็บในที่ปลอดภัย
การจัดซื้อหาผู้ขายหลายราย

ผลกระทบต่อโลจิสติกส์: การควบคุมปานกลางช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความแม่นยำได้ในระดับที่เหมาะสม

ประเภท C: ควบคุมต่ำ

ข้อดี:

  • ค่าใช้จ่ายต่ำ: การควบคุมที่ไม่เข้มงวดทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารต่ำลง
  • การจัดการที่สะดวก: การใช้ระบบสองกล่องทำให้การจัดการเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงสูง: การไม่มีการบันทึกหรือการตรวจนับน้อยอาจทำให้เกิดการสูญหายหรือขาดแคลนได้ง่าย

ตารางการจัดการ:

รายการควบคุม C
ความถี่การตรวจนับเว้นสักระยะตรวจนับ
วิธีการเก็บระบบสองกล่อง
การจัดซื้อซื้อเมื่อขาดแคลน

ผลกระทบต่อโลจิสติกส์: การควบคุมต่ำทำให้การจัดการเป็นไปอย่างสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ความเสี่ยงจากการสูญหายและขาดแคลนอาจเพิ่มขึ้น