สรุปจบ! 13 กิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์ (Logistics Activities) อ่านจบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างประกอบ
1. การบริการลูกค้า (Customer Service)
ความสำคัญ: การบริการลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการรักษาลูกค้าและการเพิ่มยอดขาย
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การตอบสนองต่อคำถามและข้อสงสัยของลูกค้า
- การจัดการเรื่องร้องเรียนและข้อผิดพลาด
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการจัดส่ง
ข้อดี:
- เพิ่มความพึงพอใจ: การบริการที่ดีช่วยให้ลูกค้ารู้สึกพอใจและมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำ
- สร้างความภักดี: ลูกค้าที่ได้รับบริการดีมักจะภักดีและแนะนำให้คนอื่นรู้จัก
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: อาจต้องลงทุนในระบบการบริการลูกค้า เช่น ซอฟต์แวร์ CRM และการฝึกอบรมพนักงาน
- เวลาและแรงงาน: การตอบสนองและจัดการข้อร้องเรียนอาจใช้เวลาและทรัพยากรมาก
ประโยชน์:
- ลดการสูญเสียลูกค้า: ลูกค้าที่พอใจมีแนวโน้มที่จะไม่เปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่ง
- เพิ่มยอดขาย: ความพึงพอใจของลูกค้าสามารถกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและคำแนะนำ
2. การจัดการคำสั่งซื้อ (Order Processing)
ความสำคัญ: การจัดการคำสั่งซื้อมีบทบาทในการรับรองว่าคำสั่งซื้อจะได้รับการจัดส่งอย่างถูกต้องและตามเวลาที่กำหนด
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การตรวจสอบสถานะสต็อก: เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ลูกค้าสั่งมีอยู่ในคลัง
- การจัดเตรียมเอกสารการส่งสินค้า: เช่น ใบส่งสินค้า และใบกำกับภาษี
- การจัดลำดับการจัดส่ง: เพื่อให้สินค้าถึงมือลูกค้าในลำดับที่ถูกต้อง
ข้อดี:
- เพิ่มความแม่นยำ: ลดข้อผิดพลาดในการจัดส่งสินค้า
- ปรับปรุงประสิทธิภาพ: การจัดการที่ดีช่วยให้การดำเนินงานรวดเร็วและมีระเบียบ
ข้อเสีย:
- ความซับซ้อน: การดำเนินการหลายขั้นตอนอาจซับซ้อนและต้องการการจัดการที่ดี
- ต้นทุนระบบ: การลงทุนในซอฟต์แวร์และระบบอัตโนมัติอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
ประโยชน์:
- เพิ่มความพอใจของลูกค้า: การจัดการที่ดีช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าตรงเวลาและถูกต้อง
- ลดข้อผิดพลาด: ลดความผิดพลาดในการจัดส่งและการจัดการ
3. การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting)
ความสำคัญ: การคาดการณ์ความต้องการช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการจัดหาสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การวิเคราะห์ข้อมูลการขายในอดีต: เช่น การดูแนวโน้มการขายในช่วงต่าง ๆ
- การสำรวจตลาด: เพื่อเข้าใจแนวโน้มและความต้องการของลูกค้า
ข้อดี:
- ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้า: ทำให้มีสินค้าพอเพียงในการตอบสนองความต้องการ
- ปรับระดับสินค้าคงคลัง: ช่วยให้การจัดการสต็อกมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง
ข้อเสีย:
- ความไม่แน่นอน: การคาดการณ์ที่ไม่แม่นยำอาจนำไปสู่การสต็อกเกินหรือลด
- ต้องใช้ข้อมูลมาก: ต้องการข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้การคาดการณ์มีความแม่นยำ
ประโยชน์:
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง: ลดปัญหาการขาดแคลนและการมีสินค้าค้างสต็อก
- ลดต้นทุน: ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการและเก็บรักษาสินค้า
4. การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
ความสำคัญ: การจัดการสินค้าคงคลังมีบทบาทในการรักษาระดับสินค้าคงคลังให้เหมาะสมและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การตรวจนับสต็อก: เพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณสินค้าตรงตามที่บันทึก
- การใช้ระบบ FIFO (First In, First Out): เพื่อจัดการการหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง
ข้อดี:
- ลดความเสี่ยงจากการเก็บสินค้าค้างสต็อก: ทำให้การจัดการสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เพิ่มความแม่นยำในการจัดการ: การจัดการที่ดีช่วยลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล
ข้อเสีย:
- ต้นทุนระบบ: การใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบจัดการอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องการการติดตามอย่างต่อเนื่อง: ต้องตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
ประโยชน์:
- ลดต้นทุนการจัดเก็บ: ลดความต้องการในการเก็บรักษาสินค้า
- เพิ่มความแม่นยำ: ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
5. การขนส่ง (Transportation)
ความสำคัญ: การขนส่งช่วยนำสินค้าจากสถานที่ผลิตไปยังลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม: เช่น การใช้รถบรรทุก, เรือ, หรือเครื่องบิน ขึ้นอยู่กับระยะทางและลักษณะสินค้า
- การจัดการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน: สำหรับการส่งออกและนำเข้าสินค้า
ข้อดี:
- ลดต้นทุนการขนส่ง: การเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมสามารถลดค่าใช้จ่าย
- เพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่ง: ช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าในเวลาที่กำหนด
ข้อเสีย:
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: การเลือกวิธีการขนส่งที่เร็วหรือพิเศษอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- อาจมีความเสี่ยงในการขนส่ง: เช่น การเสียหายหรือสูญหายของสินค้า
ประโยชน์:
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดส่ง: ทำให้สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วและตรงเวลา
- ลดต้นทุนการขนส่ง: โดยการเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม
6. การจัดการคลังสินค้า (Warehousing and Storage)
ความสำคัญ: การจัดการคลังสินค้ามีบทบาทในการจัดเก็บและจัดการสินค้าในระหว่างการขนส่ง
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การใช้ระบบ WMS (Warehouse Management System): เพื่อจัดระเบียบและติดตามสินค้าภายในคลัง
- การจัดการพื้นที่จัดเก็บ: การใช้พื้นที่ในคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดี:
- เพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้า: การจัดระเบียบที่ดีช่วยให้การหยิบและจัดส่งสินค้ารวดเร็ว
- ลดความผิดพลาดในการจัดการ: ช่วยลดความผิดพลาดในการจัดเก็บและหยิบสินค้า
ข้อเสีย:
- ต้องลงทุนในเทคโนโลยี: การใช้ระบบ WMS หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องการการฝึกอบรม: พนักงานต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้งานระบบใหม่
ประโยชน์:
- เพิ่มความแม่นยำในการจัดการ: ลดความผิดพลาดในการจัดการคลังสินค้า
- ลดต้นทุนการจัดเก็บ: ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)
ความสำคัญ: การจัดการโลจิสติกส์ย้อนกลับช่วยจัดการกับสินค้าที่คืนจากลูกค้าและกระบวนการรีไซเคิล
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การจัดการการคืนสินค้า: การรับคืนสินค้าและจัดการการคืนเงิน
- การรีไซเคิลและกำจัดสินค้า: การรีไซเคิลหรือกำจัดสินค้าที่ไม่สามารถใช้งานได้
ข้อดี:
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: การจัดการการคืนสินค้าที่ดีสามารถเพิ่มความพอใจของลูกค้า
- ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: การรีไซเคิลช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อเสีย:
- อาจเพิ่มค่าใช้จ่าย: การจัดการการคืนสินค้าและรีไซเคิลอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องการกระบวนการที่ซับซ้อน: การจัดการโลจิสติกส์ย้อนกลับอาจต้องการขั้นตอนหลายขั้นตอน
ประโยชน์:
- ลดปัญหาจากสินค้าที่คืน: ช่วยจัดการปัญหาจากการคืนสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
- เพิ่มการใช้ทรัพยากร: ลดการทิ้งขยะและเพิ่มการใช้ทรัพยากร
8. การจัดซื้อ (Procurement)
ความสำคัญ: การจัดซื้อช่วยให้บริษัทสามารถจัดหาสินค้าหรือวัสดุที่จำเป็นสำหรับการผลิตและการดำเนินงาน
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การเจรจากับผู้จัดจำหน่าย: การเจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขการซื้อ
- การตรวจสอบคุณภาพ: การตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก่อนการจัดซื้อ
ข้อดี:
- ประหยัดต้นทุน: การจัดซื้อที่ดีสามารถช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อ
- รับรองคุณภาพ: การเลือกผู้จัดจำหน่ายที่เชื่อถือได้ช่วยรับรองคุณภาพของสินค้า
ข้อเสีย:
- ต้องใช้เวลาในการเจรจา: การเจรจาต่อรองอาจใช้เวลานาน
- ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูล: การตัดสินใจซื้อที่ดีต้องการข้อมูลที่แม่นยำ
ประโยชน์:
- ลดต้นทุนการจัดซื้อ: ช่วยให้บริษัทสามารถซื้อสินค้าหรือวัสดุในราคาที่ดี
- เพิ่มคุณภาพสินค้า: รับรองว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตามที่ต้องการ
9. การจัดเตรียมอะไหล่และบริการ (Spare Parts and Services)
ความสำคัญ: การจัดเตรียมอะไหล่และบริการช่วยให้สามารถซ่อมบำรุงและรักษาสินค้าหรืออุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่: การจัดหาและจัดการอะไหล่สำหรับอุปกรณ์
- การให้บริการซ่อมบำรุง: การให้บริการซ่อมบำรุงและตรวจสอบอุปกรณ์
ข้อดี:
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: การให้บริการที่ดีช่วยเพิ่มความพอใจของลูกค้า
- ลดเวลาในการรอคอย: การจัดเตรียมอะไหล่และบริการที่รวดเร็วช่วยลดเวลาที่อุปกรณ์ไม่ทำงาน
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียม: การจัดเตรียมอะไหล่และบริการอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องการการจัดการที่ดี: ต้องมีการจัดการที่ดีเพื่อให้บริการรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์:
- ลดเวลาการรอคอย: เพิ่มความรวดเร็วในการซ่อมบำรุง
- เพิ่มความพอใจลูกค้า: ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดี
10. การเลือกสถานที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Facility Location)
ความสำคัญ: การเลือกสถานที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้ามีบทบาทในการลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การวิเคราะห์ทำเลที่ตั้ง: การศึกษาและวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม
- การประเมินค่าใช้จ่าย: การประเมินค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงงานหรือคลังสินค้า
ข้อดี:
- ลดต้นทุนการขนส่ง: การเลือกที่ตั้งที่ดีสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย:
- ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์: การเลือกที่ตั้งต้องใช้เวลาในการศึกษาและวิเคราะห์
- ค่าใช้จ่ายในการย้าย: การย้ายสถานที่ตั้งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
ประโยชน์:
- ลดต้นทุนการดำเนินงาน: ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและขนส่ง
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น
11. การเคลื่อนย้ายวัสดุ (Material Handling)
ความสำคัญ: การเคลื่อนย้ายวัสดุช่วยให้การจัดการและการเคลื่อนย้ายวัสดุภายในคลังสินค้าและโรงงานมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การใช้เครื่องจักรในการเคลื่อนย้าย: เช่น รถยกและระบบสายพาน
- การจัดการพื้นที่เคลื่อนย้าย: การจัดระเบียบพื้นที่สำหรับการเคลื่อนย้ายวัสดุ
ข้อดี:
- ลดความเสียหายของสินค้า: การใช้เครื่องจักรช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียหาย
- เพิ่มความปลอดภัย: ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในการเคลื่อนย้ายวัสดุ
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายในการลงทุน: การลงทุนในเครื่องจักรอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องการการฝึกอบรม: พนักงานต้องได้รับการฝึกอบรมในการใช้เครื่องจักร
ประโยชน์:
- ลดความเสียหาย: ลดความเสียหายจากการเคลื่อนย้ายวัสดุ
- เพิ่มความปลอดภัย: เพิ่มความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายวัสดุ
12. การบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
ความสำคัญ: การบรรจุภัณฑ์ช่วยให้การจัดส่งสินค้าปลอดภัยและคงคุณภาพของสินค้า
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การเลือกวัสดุบรรจุภัณฑ์: การเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการบรรจุ
- การออกแบบบรรจุภัณฑ์: การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสินค้า
ข้อดี:
- ลดความเสียหายของสินค้า: การบรรจุภัณฑ์ที่ดีช่วยป้องกันการเสียหายของสินค้า
- เพิ่มความน่าสนใจ: การออกแบบบรรจุภัณฑ์สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้า
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายในการบรรจุ: การเลือกวัสดุและการออกแบบอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องการการตรวจสอบ: ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพบรรจุภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ
ประโยชน์:
- ปกป้องสินค้า: ทำให้สินค้าปลอดภัยจากความเสียหาย
- เพิ่มมูลค่า: การออกแบบที่ดีสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้า
13. การติดต่อสื่อสารทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communication)
ความสำคัญ: การติดต่อสื่อสารทางด้านโลจิสติกส์ช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น
ตัวอย่างกิจกรรม:
- การใช้ระบบสื่อสาร: เช่น การใช้ซอฟต์แวร์การจัดการและการสื่อสารในองค์กร
- การประชุมและรายงาน: การจัดประชุมและรายงานสถานะการทำงาน
ข้อดี:
- เพิ่มความโปร่งใส: การสื่อสารที่ดีช่วยให้การทำงานมีความโปร่งใส
- ลดความผิดพลาด: ลดข้อผิดพลาดในการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
ข้อเสีย:
- ต้องลงทุนในเทคโนโลยี: การใช้ระบบสื่อสารใหม่อาจต้องใช้การลงทุน
- อาจมีความซับซ้อน: การจัดการการสื่อสารในองค์กรที่ใหญ่สามารถซับซ้อนได้
ประโยชน์:
- เพิ่มความชัดเจนในการทำงาน: ทำให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดความผิดพลาด: ลดข้อผิดพลาดในการทำงานร่วมกัน
ตารางสรุป
กิจกรรมหลัก | ข้อดี | ข้อเสีย | ประโยชน์ |
---|---|---|---|
การบริการลูกค้า | เพิ่มความพึงพอใจ, สร้างความภักดี | ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม, เวลาและแรงงาน | ลดการสูญเสียลูกค้า, เพิ่มความพอใจ |
การจัดการสินค้าคงคลัง | ป้องกันการขาดแคลน, ปรับปรุงการจัดการ | ต้องการข้อมูลที่แม่นยำ, ค่าใช้จ่ายในการบริหาร | เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ |
การจัดการขนส่ง | ลดค่าใช้จ่าย, เพิ่มความพอใจของลูกค้า | ค่าใช้จ่ายสูง, ต้องการการวางแผนที่ดี | เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขนส่ง |
การจัดการการคืนสินค้า | เพิ่มความพอใจ, ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ค่าใช้จ่ายสูง, ต้องการกระบวนการที่ซับซ้อน | ลดปัญหาจากสินค้าที่คืน, เพิ่มการใช้ทรัพยากร |
การจัดซื้อ | ประหยัดต้นทุน, รับรองคุณภาพ | ต้องใช้เวลาในการเจรจา, ต้องการข้อมูลแม่นยำ | ลดต้นทุนการจัดซื้อ, เพิ่มคุณภาพสินค้า |
การจัดเตรียมอะไหล่และบริการ | เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า, ลดเวลาในการรอคอย | ค่าใช้จ่ายสูง, ต้องการการจัดการที่ดี | ลดเวลาการรอคอย, เพิ่มความพอใจลูกค้า |
การเลือกสถานที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า | ลดต้นทุนการขนส่ง, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต | ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์, ค่าใช้จ่ายในการย้าย | ลดต้นทุนการดำเนินงาน, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต |
การเคลื่อนย้ายวัสดุ | ลดความเสียหายของสินค้า, เพิ่มความปลอดภัย | ค่าใช้จ่ายในการลงทุน, ต้องการการฝึกอบรม | ลดความเสียหาย, เพิ่มความปลอดภัย |
การบรรจุภัณฑ์ | ลดความเสียหายของสินค้า, เพิ่มความน่าสนใจ | ค่าใช้จ่ายในการบรรจุ, ต้องการการตรวจสอบ | ปกป้องสินค้า, เพิ่มมูลค่า |
การติดต่อสื่อสารทางด้านโลจิสติกส์ | เพิ่มความโปร่งใส, ลดความผิดพลาด | ต้องลงทุนในเทคโนโลยี, อาจมีความซับซ้อน | เพิ่มความชัดเจนในการทำงาน, ลดความผิดพลาด |
เนื้อหาที่จัดเป็นรูปแบบถามตอบ (Q&A) ที่เหมาะสำหรับทำการบ้านและเตรียมสอบ:
เหมาะสำหรับการทำการบ้านหรือการเตรียมสอบ:
13 กิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์ (Logistics Activities)
1. การบริการลูกค้า (Customer Service)
Q: การบริการลูกค้ามีความสำคัญอย่างไร?
A: การบริการลูกค้าดีช่วยสร้างความพึงพอใจและความเชื่อถือจากลูกค้า เช่น การรับเรื่องร้องเรียน แก้ปัญหาการส่งสินค้า และการตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการสั่งซื้อ
2. การจัดการคำสั่งซื้อ (Order Processing)
Q: การจัดการคำสั่งซื้อหมายถึงอะไร?
A: การจัดการคำสั่งซื้อคือกระบวนการตั้งแต่รับคำสั่งซื้อจนถึงการส่งสินค้าให้ลูกค้าอย่างถูกต้องและตรงเวลา เช่น การตรวจสอบสต็อกสินค้า การจัดเตรียมใบส่งสินค้า และการจัดลำดับการส่งของ
3. การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting)
Q: การคาดการณ์ความต้องการมีความสำคัญอย่างไร?
A: การคาดการณ์ความต้องการช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเตรียมสินค้าตามความต้องการได้อย่างเพียงพอ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการขายและแนวโน้มของตลาดเพื่อประมาณการปริมาณสินค้าที่ต้องสั่งซื้อในอนาคต
4. การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
Q: การจัดการสินค้าคงคลังมีวัตถุประสงค์อะไร?
A: การจัดการสินค้าคงคลังเพื่อดูแลและควบคุมสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น การตรวจนับสต็อกสินค้า การใช้ระบบ FIFO (First In, First Out) หรือการวิเคราะห์ ABC Inventory Classification
5. การขนส่ง (Transportation)
Q: ความสำคัญของการขนส่งคืออะไร?
A: การขนส่งมีบทบาทในการส่งสินค้าไปยังลูกค้าหรือจุดปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเวลา เช่น การเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม เช่น รถบรรทุก เรือ หรือเครื่องบิน และการวางแผนเส้นทางการขนส่งที่ดีที่สุด
6. การจัดการคลังสินค้า (Warehousing and Storage)
Q: การจัดการคลังสินค้าคืออะไร?
A: การจัดการคลังสินค้าเกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาและจัดการสินค้าภายในคลังอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดการพื้นที่จัดเก็บ และการใช้ระบบ WMS (Warehouse Management System) ในการจัดระเบียบคลังสินค้า
7. โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)
Q: โลจิสติกส์ย้อนกลับหมายถึงอะไร?
A: โลจิสติกส์ย้อนกลับคือกระบวนการจัดการสินค้าที่ถูกส่งคืนหรือเคลม เช่น การรับคืนสินค้า การรีไซเคิล และการจัดการสินค้าที่เสียหาย
8. การจัดซื้อ (Purchasing)
Q: การจัดซื้อมีบทบาทอะไรในโลจิสติกส์?
A: การจัดซื้อคือการจัดหาวัตถุดิบและสินค้าต่าง ๆ เพื่อรองรับกระบวนการผลิตและการจำหน่าย เช่น การติดต่อซัพพลายเออร์และเจรจาเงื่อนไขการซื้อเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม
9. การจัดเตรียมอะไหล่และบริการ (Part and Service Support)
Q: การจัดเตรียมอะไหล่และบริการคืออะไร?
A: การจัดเตรียมอะไหล่และบริการช่วยให้การซ่อมบำรุงหรือการสนับสนุนหลังการขายดำเนินไปอย่างราบรื่น เช่น การจัดหาและจัดเตรียมอะไหล่สำรองสำหรับการซ่อมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ
10. การเลือกสถานที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Plant and Warehouse Site Selection)
Q: การเลือกสถานที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้าสำคัญอย่างไร?
A: การเลือกสถานที่ตั้งที่เหมาะสมช่วยลดต้นทุนการผลิตและการขนส่ง เช่น การวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งเพื่อให้ใกล้แหล่งวัตถุดิบหรือจุดกระจายสินค้า
11. การเคลื่อนย้ายวัสดุ (Material Handling)
Q: การเคลื่อนย้ายวัสดุมีความสำคัญอย่างไร?
A: การเคลื่อนย้ายวัสดุช่วยลดความเสียหายและเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการสินค้า เช่น การใช้เครื่องจักรในการย้ายสินค้า เช่น เครน, รถโฟล์คลิฟต์, หรือระบบสายพาน
12. การบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
Q: การบรรจุภัณฑ์มีบทบาทอะไร?
A: การบรรจุภัณฑ์ออกแบบให้เหมาะสมกับสินค้าทั้งด้านความปลอดภัยและการขนส่ง เช่น การเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ลดการกระแทกหรือการรั่วซึมในการขนส่ง
13. การติดต่อสื่อสารทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communications)
Q: การติดต่อสื่อสารทางด้านโลจิสติกส์มีความสำคัญอย่างไร?
A: การติดต่อสื่อสารช่วยให้ข้อมูลระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในห่วงโซ่อุปทานถูกจัดการและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ซอฟต์แวร์ในการตรวจสอบและติดตามข้อมูลการขนส่งหรือสต็อกสินค้า
หาข้อมูลของ ข้อต่อระหว่าง supply chain ให้หน่อยดิ
แฟง ms.logistics and supply chain management
ขอบคุณมากๆค๊ะ…
[…] ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังมีอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : กิจกรรมหลักด้านโลจิสติกส์ (logistics activities) 1… […]