ประเภทสินค้าคงคลัง (Inventory) ตามระบบ ABC (Activity Based Costing)
การจัดการสินค้าคงคลังตามระบบ ABC (Activity Based Costing) เป็นวิธีการที่ช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังโดยการแบ่งประเภทตามมูลค่าของสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและลดต้นทุน การแบ่งประเภทสินค้าคงคลังในระบบ ABC ประกอบด้วย 3 ประเภทหลัก:
1. สินค้าคงคลังประเภท A
- สัดส่วนปริมาณ: ประมาณ 10% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด
- สัดส่วนมูลค่า: ประมาณ 80% ของราคาสินค้าคงคลัง
- ลักษณะการจัดการ: ต้องการการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลน
- ตัวอย่าง: สินค้าเช่น แล็ปท็อป หรือ สมาร์ทโฟน ในร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าสูงและความต้องการสูง
2. สินค้าคงคลังประเภท B
- สัดส่วนปริมาณ: ประมาณ 20% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด
- สัดส่วนมูลค่า: ประมาณ 20% ของราคาสินค้าคงคลัง
- ลักษณะการจัดการ: การควบคุมในระดับปานกลาง เช่น ตรวจสอบทุกสิ้นเดือน
- ตัวอย่าง: อุปกรณ์เสริมเช่น สายชาร์จ หรือ เคสโทรศัพท์
3. สินค้าคงคลังประเภท C
- สัดส่วนปริมาณ: ประมาณ 70-80% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด
- สัดส่วนมูลค่า: ประมาณ 5-10% ของราคาสินค้าคงคลัง
- ลักษณะการจัดการ: มีการจัดการที่ผ่อนคลาย เช่น การตรวจสอบไม่บ่อยครั้ง
- ตัวอย่าง: อุปกรณ์สำนักงานเช่น กระดาษโน้ต หรือ ปากกา
ข้อดี ข้อเสีย และประโยชน์ของการจัดการสินค้าคงคลังด้วย ABC
ข้อดี
- การจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง: เน้นควบคุมสินค้าคงคลังที่มีมูลค่าสูง (ประเภท A) ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลน
- ประหยัดต้นทุน: การจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม
- เพิ่มความโปร่งใส: การมองเห็นภาพรวมของสินค้าคงคลัง
ข้อเสีย
- ต้องใช้เวลาและทรัพยากร: การจำแนกประเภทอาจต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน
- การจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน: ต้องอาศัยระบบที่มีความซับซ้อนในการจัดการ
ประโยชน์ที่ได้รับ
- การควบคุมที่แม่นยำ: มองเห็นสินค้าคงคลังที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- ลดต้นทุนในการจัดเก็บ: การใช้ทรัพยากรในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
- การวางแผนที่มีข้อมูลรองรับ: การวางแผนการจัดซื้อและการควบคุมที่มีข้อมูลชัดเจน
ตารางสรุปการจัดการสินค้าคงคลังตาม ABCประเภทสินค้าสำหรับ ABC สัดส่วนปริมาณ (%) สัดส่วนมูลค่า (%) การควบคุม ประเภท A 10% 80% เข้มงวดสูงสุด ต้องตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ประเภท B 20% 20% เข้มงวดปานกลาง ตรวจสอบตามรอบระยะเวลา ประเภท C 70-80% 5-10% ความเข้มงวดต่ำ สามารถจัดเก็บเพื่อใช้งานได้ทันที
การใช้ระบบ ABC ในการจัดการสินค้าคงคลังช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
เนื้อหาในรูปแบบ Q&A ที่มีการจัดเรียงอย่างสวยงาม
เน้นการใช้สำหรับการบ้านหรือการสอบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประเภทสินค้าคงคลัง (Inventory) ตามระบบ ABC (Activity Based Costing)
Q1: ระบบ ABC (Activity Based Costing) คืออะไร?
A1: ระบบ ABC (Activity Based Costing) เป็นวิธีการจัดการสินค้าคงคลังที่แบ่งประเภทสินค้าตามมูลค่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลังและลดต้นทุน ระบบนี้แบ่งสินค้าคงคลังออกเป็น 3 ประเภทหลัก: A, B, และ C
Q2: สินค้าคงคลังประเภท A คืออะไร?
A2: สินค้าคงคลังประเภท A คือสินค้าที่มีสัดส่วนปริมาณเพียง 10% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด แต่มีมูลค่าสูงถึง 80% ของราคาสินค้าคงคลัง การจัดการสินค้าประเภท A ต้องการการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลน ตัวอย่างเช่น แล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟนในร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
Q3: สินค้าคงคลังประเภท B คืออะไร?
A3: สินค้าคงคลังประเภท B คือสินค้าที่มีสัดส่วนปริมาณประมาณ 20% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด และมีมูลค่าประมาณ 20% ของราคาสินค้าคงคลัง การควบคุมสินค้าประเภท B อยู่ในระดับปานกลาง เช่น การตรวจสอบทุกสิ้นเดือน ตัวอย่างเช่น สายชาร์จหรือเคสโทรศัพท์
Q4: สินค้าคงคลังประเภท C คืออะไร?
A4: สินค้าคงคลังประเภท C คือสินค้าที่มีสัดส่วนปริมาณมากถึง 70-80% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด แต่มีมูลค่าเพียง 5-10% ของราคาสินค้าคงคลัง การจัดการสินค้าประเภท C มักมีความผ่อนคลาย เช่น การตรวจสอบไม่บ่อยครั้ง ตัวอย่างเช่น กระดาษโน้ตหรือปากกา
Q5: ข้อดีของการใช้ระบบ ABC ในการจัดการสินค้าคงคลังคืออะไร?
A5: ข้อดีของการใช้ระบบ ABC รวมถึง:
- การจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง: ช่วยโฟกัสการควบคุมสินค้าคงคลังที่มีมูลค่าสูง
- ประหยัดต้นทุน: การจัดสรรทรัพยากรในการจัดการสินค้าคงคลังอย่างเหมาะสม
- เพิ่มความโปร่งใส: ทำให้การตัดสินใจในการจัดซื้อมีข้อมูลที่แม่นยำ
Q6: ข้อเสียของการใช้ระบบ ABC คืออะไร?
A6: ข้อเสียของระบบ ABC ประกอบด้วย:
- ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการจำแนก: การแบ่งประเภทอาจต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน
- การจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน: อาจต้องอาศัยโปรแกรมหรือระบบที่มีความซับซ้อน
Q7: ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ระบบ ABC คืออะไร?
A7: ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ระบบ ABC รวมถึง:
- การควบคุมที่แม่นยำ: มองเห็นสินค้าคงคลังที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- การลดต้นทุนในการจัดเก็บ: การใช้ทรัพยากรในการจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
- การวางแผนที่มีข้อมูลรองรับ: การวางแผนการจัดซื้อและการควบคุมที่มีข้อมูลชัดเจน
Q8: ตารางสรุปการจัดการสินค้าคงคลังตามระบบ ABC เป็นอย่างไร?
A8:ประเภทสินค้าสำหรับ ABC สัดส่วนปริมาณ (%) สัดส่วนมูลค่า (%) การควบคุม ประเภท A 10% 80% เข้มงวดสูงสุด ต้องตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ประเภท B 20% 20% เข้มงวดปานกลาง ตรวจสอบตามรอบระยะเวลา ประเภท C 70-80% 5-10% ความเข้มงวดต่ำ สามารถจัดเก็บเพื่อใช้งานได้ทันที
การใช้ระบบ ABC ช่วยให้การจัดการสินค้าคงคลังมีความเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น