(Supply Chain) คืออะไร? อธิบายง่ายและครบทุกด้าน!

โซ่อุปทาน (Supply Chain) คืออะไร?

โซ่อุปทาน หรือ (Supply Chain) คือ เครือข่ายที่เชื่อมโยงการทำงานของหลายแผนกตั้งแต่การหาวัตถุดิบจนถึงการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า โดยกระบวนการนี้รวมถึงหลายขั้นตอนที่สำคัญดังนี้:

  1. การจัดซื้อจัดหา (Procurement): ขั้นตอนแรกคือการหาซื้อวัตถุดิบหรือสินค้า ซึ่งต้องการความร่วมมือกับผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและที่เหมาะสม.
  2. การผลิต (Manufacturing): ขั้นตอนการแปรรูปวัตถุดิบเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยต้องมีการควบคุมคุณภาพเพื่อให้สินค้าที่ผลิตมีมาตรฐานตามที่ต้องการ.
  3. (Distribution): การวางแผนและจัดการช่องทางการสินค้าจากโรงงานไปยังคลังสินค้าและร้านค้าปลีก.
  4. (Transportation): การเคลื่อนย้ายสินค้าจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง เช่น จากคลังสินค้าไปยังร้านค้าหรือศูนย์กระจายสินค้า.
  5. การจัดเก็บ (Storage): การจัดเก็บสินค้าระหว่างกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ความแตกต่างระหว่าง และ Supply Chain

  • Logistics มุ่งเน้นที่การจัดการการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บสินค้าในกระบวนการขนส่งและจัดจำหน่าย.
  • Supply Chain ครอบคลุมทุกขั้นตอนจากการหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า รวมถึงการจัดการข้อมูลและการเงิน.

หน้าที่หลักของการจัดการ Supply Chain

  1. Material Flow (การไหลของวัตถุดิบ): การจัดการวัตถุดิบตั้งแต่การซื้อจนถึงการนำไปใช้ในกระบวนการผลิต.
  2. Information Flow (การไหลของข้อมูล): การส่งผ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากแต่ละขั้นตอนในโซ่อุปทาน เช่น ข้อมูลการสั่งซื้อและการจัดส่ง.
  3. Money Flow (การไหลของเงินทุน): การจัดการการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ, การผลิต, และการขายสินค้า.

ตัวอย่างการทำงานของ Supply Chain

สมมุติว่าคุณเป็นผู้ผลิตมือถือ:

  1. การจัดซื้อจัดหา: คุณจะต้องซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ เช่น หน้าจอและแบตเตอรี่.
  2. การผลิต: นำชิ้นส่วนเหล่านี้มาประกอบเป็นมือถือในโรงงานของคุณ.
  3. การจัดจำหน่าย: สินค้าสำเร็จรูปจะถูกส่งไปยังคลังสินค้าของคุณ.
  4. การขนส่ง: จากคลังสินค้า, มือถือจะถูกส่งไปยังร้านค้าปลีกต่าง ๆ.
  5. การจัดเก็บ: สินค้าในร้านค้าปลีกจะถูกจัดเก็บเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขายให้กับลูกค้า.

กระบวนการทั้งหมดนี้รวมกันเรียกว่า “ห่วงโซ่ของการสร้างมูลค่า” หรือ “Value Chain” ซึ่งเป็นการจัดการเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

เปรียบเทียบ Supply Chain และ Logistics

Supply Chain และ Logistics เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินค้าและ แต่มีขอบเขตและความหมายที่แตกต่างกัน นี่คือการเปรียบเทียบแบบละเอียด:

1. ความหมายพื้นฐาน

  • Supply Chain (โซ่อุปทาน):
    • Definition: โซ่อุปทานหมายถึงเครือข่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการจัดส่งสินค้า ตั้งแต่การหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สุดท้ายให้กับลูกค้า
    • Components: ประกอบด้วยหลายขั้นตอน ได้แก่ การจัดซื้อจัดหา (Procurement), การผลิต (Manufacturing), การจัดจำหน่าย (Distribution), การขนส่ง (Transportation), การจัดเก็บ (Storage), และการจัดการข้อมูลและการเงิน
  • Logistics (โลจิสติกส์):
    • Definition: โลจิสติกส์หมายถึงกระบวนการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายและการจัดการสินค้าและข้อมูลในกระบวนการ Supply Chain
    • Components: มุ่งเน้นที่การจัดการการขนส่ง (Transportation), การจัดเก็บ (Storage), (Warehouse Management), และการจัดการข้อมูลการสั่งซื้อ (Order Processing)

2. ขอบเขตของการทำงาน

  • Supply Chain:
    • Scope: ครอบคลุมทั้งหมดของกระบวนการตั้งแต่การหาวัตถุดิบ ไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า รวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์และลูกค้า
    • Focus: การสร้างและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกัน
  • Logistics:
    • Scope: เป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ที่มุ่งเน้นที่การจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้าเท่านั้น
    • Focus: การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพในด้านการขนส่ง, การจัดเก็บ, และการจัดการคลังสินค้า

3. วัตถุประสงค์

  • Supply Chain:
    • Objective: การปรับปรุงประสิทธิภาพรวมของกระบวนการทั้งหมดใน Supply Chain เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    • : มุ่งเน้นที่การรวมระบบและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทุกฝ่ายในโซ่อุปทาน
  • Logistics:
    • Objective: การจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
    • Strategy: มุ่งเน้นที่การลดต้นทุนการขนส่ง, การเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง, และการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ

4. การจัดการและการบริหาร

  • Supply Chain:
    • Management: การบริหารจัดการจะมีความซับซ้อนกว่า เพราะต้องจัดการกับหลายฝ่ายและหลายกระบวนการ
    • Example: การประสานงานระหว่างการจัดซื้อ, การผลิต, การขนส่ง, และการจัดจำหน่าย เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น
  • Logistics:
    • Management: การบริหารจัดการมักจะมุ่งเน้นที่กิจกรรมเฉพาะเจาะจง เช่น การขนส่งสินค้าและการจัดการคลังสินค้า
    • Example: การวางแผนการขนส่งสินค้าเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางในเวลาที่กำหนดและในสภาพดี

5. ตัวอย่างการใช้

  • Supply Chain: หากบริษัทผลิตรถยนต์ต้องการจัดหาชิ้นส่วนจากหลายประเทศ, ผลิตรถยนต์ในโรงงาน, ขนส่งรถยนต์ไปยังตัวแทนจำหน่าย, และจัดการบริการหลังการขาย – ทั้งหมดนี้คือ Supply Chain
  • Logistics: การจัดการการขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์จากซัพพลายเออร์ไปยังโรงงาน, การจัดเก็บชิ้นส่วนในคลังสินค้า, และการจัดการการขนส่งรถยนต์สำเร็จรูปไปยังตัวแทนจำหน่าย – ทั้งหมดนี้คือ Logistics

สรุป

Supply Chain เป็นการจัดการที่ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมดจากต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพโดยรวม ขณะที่ Logistics เป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ที่มุ่งเน้นการจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

ตารางที่เปรียบเทียบระหว่าง Supply Chain และ Logistics แบบย่อและอ่านเข้าใจง่าย:

หัวข้อSupply ChainLogistics
ความหมายพื้นฐานเครือข่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการจัดส่งสินค้า ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางกระบวนการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและการจัดเก็บสินค้าใน Supply Chain
ขอบเขตของการทำงานครอบคลุมการจัดซื้อจัดหา, การผลิต, การจัดจำหน่าย, การขนส่ง, การจัดเก็บ และการจัดการข้อมูลมุ่งเน้นที่การขนส่ง, การจัดเก็บ, การจัดการคลังสินค้า และการจัดการข้อมูลการสั่งซื้อ
วัตถุประสงค์ปรับปรุงประสิทธิภาพรวมของกระบวนการทั้งหมดเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
การจัดการและการบริหารบริหารจัดการการเชื่อมโยงระหว่างหลายฝ่ายและหลายกระบวนการให้มีความเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพบริหารจัดการกิจกรรมเฉพาะเช่นการขนส่งและการจัดเก็บสินค้าภายใน Supply Chain
ตัวอย่างการจัดหาวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์, การผลิตสินค้า, การขนส่งสินค้าไปยังตัวแทนจำหน่ายการวางแผนการขนส่งชิ้นส่วนสินค้าจากซัพพลายเออร์ไปยังโรงงาน และการจัดการคลังสินค้า


ตารางเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และการเสียเวลา ของ Supply Chain และ Logistics:

หัวข้อSupply ChainLogistics
ข้อดี– เพิ่มประสิทธิภาพรวมของกระบวนการทั้งหมด
– สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
– สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์และลูกค้า
– เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและการจัดเก็บ
– ลดต้นทุนการขนส่งและการจัดเก็บ
– เพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้า
ข้อเสีย– การบริหารจัดการซับซ้อนและต้องการทรัพยากรสูง
– ต้องประสานงานกับหลายฝ่ายที่แตกต่างกัน
– อาจเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดระหว่างกระบวนการ
– มุ่งเน้นเฉพาะการขนส่งและการจัดเก็บ
– อาจไม่ครอบคลุมกระบวนการทั้งหมดของ Supply Chain
– การจัดการอาจไม่เชื่อมโยงกับกระบวนการอื่น ๆ
ประโยชน์– ช่วยในการจัดการและควบคุมกระบวนการทั้งหมดได้ดีขึ้น
– สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจ
– เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ
– ช่วยให้การเคลื่อนย้ายสินค้าและการจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น
– ช่วยในการลดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
– เพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาด
เสียเวลา– การจัดการและประสานงานระหว่างหลายฝ่ายอาจใช้เวลานาน
– การปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลงกระบวนการอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากร
– การวิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานร่วมกันต้องใช้เวลา
– การมุ่งเน้นที่การขนส่งและการจัดเก็บอาจทำให้มองข้ามการปรับปรุงกระบวนการอื่น ๆ
– การจัดการกิจกรรมเฉพาะอาจใช้เวลาในการประสานงาน
– การปรับปรุงระบบขนส่งและการจัดเก็บต้องใช้เวลา

Q&A เกี่ยวกับโซ่อุปทาน (Supply Chain) คืออะไร?

เตรียมตัวสำหรับการสอบหรือทำการบ้าน:

Q&A: โซ่อุปทาน (Supply Chain) คืออะไร?

Q1: โซ่อุปทาน (Supply Chain) คืออะไร?

A1: โซ่อุปทาน คือ เครือข่ายที่เชื่อมโยงการทำงานจากการหาวัตถุดิบจนถึงการส่งมอบสินค้าสำเร็จรูปให้กับลูกค้า ซึ่งประกอบด้วยหลายขั้นตอนหลัก เช่น การจัดซื้อจัดหา, การผลิต, การจัดจำหน่าย, การขนส่ง, และการจัดเก็บสินค้าต่าง ๆ

Q2: ความแตกต่างระหว่าง Logistics และ Supply Chain คืออะไร?

A2:

  • Logistics: มุ่งเน้นที่การจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้า รวมถึงการจัดการคลังสินค้าและข้อมูลการสั่งซื้อ
  • Supply Chain: ครอบคลุมทุกขั้นตอนจากการหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงการจัดการข้อมูลและการเงิน

Q3: หน้าที่หลักของการจัดการ Supply Chain มีอะไรบ้าง?

A3:

  • Material Flow (การไหลของวัตถุดิบ): การจัดการวัตถุดิบจากการซื้อจนถึงการใช้ในกระบวนการผลิต
  • Information Flow (การไหลของข้อมูล): การส่งผ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากแต่ละขั้นตอน เช่น ข้อมูลการสั่งซื้อและการจัดส่ง
  • Money Flow (การไหลของเงินทุน): การจัดการการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ, การผลิต, และการขายสินค้า

Q4: ให้ตัวอย่างการทำงานของ Supply Chain สำหรับการผลิตมือถือ A4:

  • การจัดซื้อจัดหา: ซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ เช่น หน้าจอและแบตเตอรี่
  • การผลิต: ประกอบชิ้นส่วนเป็นมือถือในโรงงาน
  • การจัดจำหน่าย: ส่งมือถือสำเร็จรูปไปยังคลังสินค้า
  • การขนส่ง: ขนส่งมือถือจากคลังสินค้าไปยังร้านค้าปลีก
  • การจัดเก็บ: จัดเก็บสินค้าในร้านค้าปลีกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขาย