การ () คืออะไร?

การจัดซื้อ (Purchasing) หมายถึง กระบวนการที่มีบทบาทสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบและสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร และเชื่อมโยงระหว่างองค์กรใน Chain กระบวนการนี้เป็นกลไกหลักในการประสานงานด้านการไหลของข้อมูลระหว่างองค์กรและผู้ขายวัตถุดิบ

ความสำคัญของการจัดซื้อ

การจัดซื้อมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าได้ตามเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะในด้าน Customer Service ซึ่งการมีวัตถุดิบพร้อมจะส่งผลต่อการดำเนินการทางธุรกิจโดยรวม นอกจากนี้ ต้นทุนการจัดซื้อหรือวัตถุดิบถือเป็นต้นทุนหลักที่มีอัตราส่วนสูงในต้นทุนทั้งหมดของสินค้าและบริการ ดังนั้น การมีระบบการจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

หน้าที่หลักของหน่วยงานจัดซื้อ

  1. การจัดหาสินค้าและวัตถุดิบ: หน่วยงานจัดซื้อมีหน้าที่ในการจัดหาสินค้าและวัตถุดิบตามความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร โดยเน้นการประหยัดและคุ้มค่าที่สุด
  2. การเลือกผู้ขาย: การเลือกผู้ขายที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการจัดซื้อ ซึ่งจะต้องพิจารณาคุณภาพของสินค้า ราคาที่เหมาะสม และความเชื่อถือได้ของผู้ขาย
  3. การสั่งซื้อและการควบคุม: การทำสัญญาซื้อขายและตรวจสอบการทำงานของ Supplier เพื่อตรวจสอบจุดที่ควรปรับปรุง และหาวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาหรือพัฒนา

การปรับปรุงและพัฒนา

การจัดซื้อไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อและการจัดหาวัตถุดิบเท่านั้น แต่ยังต้องมีการตรวจสอบและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด กระบวนการนี้รวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของ Supplier และการทำงานร่วมกับ Supplier เพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุดในการปรับปรุงคุณภาพและ


ผลกระทบของการจัดซื้อที่มีต่อ

การจัดซื้อ (Purchasing) มีผลต่อโลจิสติกส์ (Logistics) อย่างมาก เนื่องจากเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างการจัดหาวัตถุดิบและโลจิสติกส์เพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการได้ตามที่กำหนด นี่คือรายละเอียดของผลกระทบที่การจัดซื้อมีกับโลจิสติกส์:

ด้านผลกระทบ
การจัดหาวัตถุดิบการจัดหาวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ: การจัดซื้อที่ดีช่วยให้มีวัตถุดิบพร้อมใช้งาน ช่วยลดความล่าช้าในการผลิตและการจัดส่ง
การควบคุมต้นทุนลดต้นทุนโลจิสติกส์: การเลือกผู้ขายที่เหมาะสมและการเจรจาต่อรองราคาที่ดีช่วยลดต้นทุนการจัดส่งและการจัดการคลังสินค้า
การจัดการคลังสินค้าการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ: การสั่งซื้อที่แม่นยำช่วยลดปัญหาการขาดแคลนหรือการมีสินค้าคงคลังเกินที่ไม่จำเป็น
การประสานงานการปรับปรุงการประสานงาน: การจัดซื้อที่ดีช่วยให้มีการสื่อสารและการประสานงานที่ดีขึ้นระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร
การส่งมอบสินค้าการส่งมอบตรงเวลา: การจัดซื้อตรงตามความต้องการและกำหนดเวลาช่วยให้การส่งมอบสินค้าเป็นไปตามกำหนดและลดปัญหาการล่าช้า
ความสัมพันธ์กับ Supplierความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น: การจัดซื้อที่มีการควบคุมและตรวจสอบประสิทธิภาพช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเชื่อถือได้กับผู้ขาย
ประสิทธิภาพในการผลิตการผลิตที่มีประสิทธิภาพ: วัตถุดิบที่มีคุณภาพและการจัดหาที่ดีส่งผลให้กระบวนการผลิตราบรื่นและมีคุณภาพสูง

การจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้การโลจิสติกส์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนวัตถุดิบ การล่าช้าในการจัดส่ง และต้นทุนที่ไม่จำเป็น ซึ่งมีผลต่อการบริการลูกค้าและความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว

ตารางที่สรุปข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ที่ได้รับ และค่าเสียโอกาสของการจัดซื้อ:

หัวข้อข้อดีข้อเสียประโยชน์ที่ได้รับค่าเสียโอกาส
การจัดซื้อ– การจัดหาวัตถุดิบตามความต้องการ
– การควบคุมต้นทุนและคุณภาพ
– อาจเกิดปัญหาในการสื่อสารกับผู้ขาย
– ต้นทุนการจัดซื้ออาจสูง
– เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
– ลดต้นทุนโดยรวม
– การจัดซื้อที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบ
– อาจมีต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็น
การเลือกผู้ขาย– เลือกผู้ขายที่มีคุณภาพดีและเชื่อถือได้
– การเจรจาต่อรองราคาที่เป็นประโยชน์
– อาจพบผู้ขายที่ไม่ตรงตามความคาดหวัง
– การจัดการกับผู้ขายหลายรายอาจซับซ้อน
– สินค้าหรือวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง
– ราคาที่เหมาะสม
– การเลือกผู้ขายที่ไม่ดีอาจทำให้ต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพต่ำ
– เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผู้ขาย
การสั่งซื้อ– การทำสัญญาที่ชัดเจนและมีข้อกำหนดที่แน่นอน
– การตรวจสอบและติดตามการส่งมอบ
– อาจมีปัญหาในการจัดการกับคำสั่งซื้อจำนวนมาก
– การส่งมอบล่าช้า
– การรับสินค้าและวัตถุดิบตรงตามความต้องการ
– การจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
– การสั่งซื้อที่ผิดพลาดอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิต
– เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาการส่งมอบ
การควบคุมการทำงานของ Supplier– การตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของ Supplier
– การปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพร่วมกัน
– อาจต้องใช้เวลามากในการตรวจสอบและประเมินผล
– การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอาจยุ่งยาก
– สินค้าหรือวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีขึ้น
– ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับ Supplier
– การควบคุมที่ไม่ดีอาจทำให้มีการจัดส่งที่มีปัญหา
– เสียเวลาในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา

ตารางนี้สรุปข้อดีและข้อเสียของการจัดซื้อ, การเลือกผู้ขาย, การสั่งซื้อ, และการควบคุมการทำงานของ Supplier รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับและค่าเสียโอกาสที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของได้ดียิ่งขึ้น


การศึกษาและพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง

อาชีพจัดซื้อ (Purchasing) เป็นอาชีพที่มีความสำคัญในหลายองค์กร และมักจะได้รับการตอบแทนที่ดี รวมถึงมีโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพที่หลากหลาย นี่คือข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับอาชีพจัดซื้อ:

  1. การศึกษา:
    • ปริญญาตรี: ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องเช่น การจัดการโลจิสติกส์ (), การจัดการธุรกิจ (Business Administration), เศรษฐศาสตร์ (Economics), หรือวิศวกรรม (Engineering) เป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการเริ่มต้นในอาชีพจัดซื้อ
    • ปริญญาโท: ปริญญาโทในสาขาที่เกี่ยวข้องเช่น MBA (Master of Business Administration) หรือหลักสูตรเฉพาะทางในด้านการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management) สามารถเพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ
  2. ทักษะที่สำคัญ:
    • ทักษะการเจรจาต่อรอง (Negotiation Skills)
    • ทักษะการวิเคราะห์และการตัดสินใจ (Analytical and Decision-Making Skills)
    • ความรู้เกี่ยวกับการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management Knowledge)
    • ทักษะการสื่อสารและการประสานงาน (Communication and Coordination Skills)

เงินเดือน

  • เริ่มต้น: เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับตำแหน่งจัดซื้อในประเทศไทยมักจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 40,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และขนาดขององค์กร
  • ระดับกลาง: สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ 3-5 ปี เงินเดือนอาจอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 80,000 บาทต่อเดือน
  • ระดับสูง: สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี หรืออยู่ในตำแหน่งระดับบริหาร เงินเดือนอาจสูงถึง 80,000 บาทขึ้นไป

โอกาสในการเติบโต

  1. การเติบโตในสายงาน:
    • ตำแหน่งที่สูงขึ้น: จากตำแหน่งจัดซื้อสามารถเติบโตไปเป็นผู้จัดการการจัดซื้อ (Purchasing Manager) หรือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Head of Procurement)
    • การจัดการซัพพลายเชน: การขยายไปสู่การจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management) หรือการจัดการโลจิสติกส์ (Logistics Management)
  2. การต่อยอดทางอาชีพ:
    • การศึกษาต่อ: การศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือประกาศนียบัตรเฉพาะทางสามารถเพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ
    • การได้รับใบรับรอง: การได้รับใบรับรองเช่น Certified Professional in Supply Management (CPSM) หรือ Certified Supply Chain Professional (CSCP) สามารถเพิ่มความเชี่ยวชาญและโอกาสในการเติบโต
  3. การขยายไปยังสายงานที่เกี่ยวข้อง:
    • การจัดการการผลิต: การขยายไปยังการจัดการการผลิต (Production Management) เพื่อทำงานร่วมกับการจัดซื้อและการผลิต
    • การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง: การขยายไปยังการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง ( Management)

การทำงานในอาชีพจัดซื้อมีโอกาสในการเติบโตและพัฒนาอาชีพที่ดี โดยเฉพาะในองค์กรที่มีการขยายตัวหรือมีความต้องการในการจัดการซัพพลายเชนและการจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพ