สรุปจบ! เกี่ยวกับพัสดุคงคลัง (Inventory Costs) แบบเข้าใจง่าย

ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพัสดุคงคลัง (Inventory Costs) มี 3 ประเภท ดังนี้

  1. () ต้นทุนผลิตภัณฑ์หมายถึงต้นทุนของสินค้าคงคลังที่องค์กรถือครอง ซึ่งรวมถึงต้นทุนของวัตถุดิบ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ หรือส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิต เช่น ราคาของวัตถุดิบที่ซื้อมาใช้ในการผลิตหรือวัสดุที่ใช้ในการดำเนินงาน เช่น น้ำมันหล่อลื่น น้ำยาทำความสะอาด และผ้าหมึกเครื่องพิมพ์ เป็นต้น
  2. ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ () ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อองค์กรทำการสั่งซื้อสินค้าหรือผลิตสินค้า เช่น:
    • ค่าการออกใบสั่งซื้อ
    • ค่าติดตั้งเครื่องจักร (สำหรับการสั่งผลิต)
    • ค่าจดหมาย โทรศัพท์ โทรสาร สำหรับการติดตาม
    • ค่าใช้จ่ายในการรับสินค้า การคุณภาพสินค้า การขนสินค้าเข้าคลัง
    • ค่าเครื่องเขียน และเงินเดือนของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อ
    การคำนวณค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อจะคำนวณจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการสั่งซื้อหนึ่งครั้ง
  3. ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา (Carrying Costs or Holding Costs) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเก็บสินค้าสำรองในคลัง ซึ่งประกอบด้วย:
    • ค่าดอกเบี้ยเงินลงทุน: ค่าดอกเบี้ยที่เกิดจากการใช้เงินทุนในการจัดซื้อสินค้าคงคลัง
    • ค่าสถานที่เก็บรักษา: ค่าเช่าหรือค่าเสื่อมราคาของโกดัง
    • ค่าดูแลรักษา: รวมถึงเงินเดือนของพนักงานบันทึกสินค้าและพนักงานรักษาความปลอดภัย ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาของโกดัง
    • ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายสินค้า: ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายสินค้าในคลัง
    • ค่าประกันภัยสินค้า: ค่าใช้จ่ายในการประกันภัยสินค้าคงคลัง
    • ค่าสินค้าเสื่อมสภาพ ล้าสมัย หรือสูญหาย: ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากสินค้าที่เสื่อมสภาพหรือสูญหาย

การรู้เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพัสดุคงคลัง (Inventory Costs) มีความสำคัญหลายประการสำหรับการจัดการธุรกิจและการวางแผนทางการเงิน:

  1. การควบคุมต้นทุน
    การทราบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลังช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลดหรือค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มผลกำไรได้
  2. การวางแผนและการจัดการคลังสินค้า
    การเข้าใจค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการจัดการคลังสินค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น การกำหนดปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บสินค้ามากเกินไป ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
  3. การตัดสินใจทางธุรกิจ
    ข้อมูลเกี่ยวกับช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับการสั่งซื้อ การผลิต และการจัดการสินค้าคงคลัง เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่เหมาะสมหรือการเลือกวิธีที่คุ้มค่า
  4. การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    การรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุจุดอ่อนในกระบวนการจัดการคลังสินค้าและหาวิธีการปรับปรุง เช่น การลดเวลาในการสั่งซื้อหรือการเพิ่มประสิทธิภาพในสินค้า
  5. การวิเคราะห์ผลประกอบการ
    การเข้าใจค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพัสดุคงคลังช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ผลประกอบการได้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถแยกแยะระหว่างต้นทุนที่จำเป็นและต้นทุนที่สามารถลดหรือจัดการได้
  6. การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
    การจัดการค่าใช้จ่ายพัสดุคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสามารถเสนอราคาที่แข่งขันได้มากขึ้นและปรับปรุงบริการให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

สรุปค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพัสดุคงคลัง

  1. ต้นทุนผลิตภัณฑ์ (Product Cost)
    • รายละเอียด: ต้นทุนของสินค้าที่รวมถึงวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และวัสดุในการผลิต
    • ตัวอย่าง: ราคาวัตถุดิบ น้ำมันหล่อลื่น ผ้าหมึกเครื่องพิมพ์
  2. ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ (Ordering Costs)
    • รายละเอียด: ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสั่งซื้อสินค้าหรือการผลิต
    • ตัวอย่าง: ค่าการออกใบสั่งซื้อ, ค่าเครื่องเขียน, ค่าโทรศัพท์, ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบคุณภาพสินค้า
  3. ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา (Carrying Costs or Holding Costs)
    • รายละเอียด: ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเก็บสินค้าสำรองในคลัง
    • ตัวอย่าง: ค่าดอกเบี้ยเงินลงทุน, ค่าสถานที่เก็บรักษา, ค่าดูแลรักษา, ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายสินค้า, ค่าประกันภัยสินค้า, ค่าสินค้าเสื่อมสภาพ

ข้อดี

  • การควบคุมต้นทุน: ช่วยลดต้นทุนการเก็บรักษาและค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ
  • การวางแผนและการจัดการคลังสินค้า: ช่วยวางแผนการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ
  • การตัดสินใจทางธุรกิจ: ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการสั่งซื้อ การผลิต และการจัดการสินค้าคงคลัง
  • การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: ระบุจุดอ่อนและปรับปรุงกระบวนการจัดการคลังสินค้า
  • การวิเคราะห์ผลประกอบการ: ช่วยในการวิเคราะห์และแยกแยะต้นทุนที่จำเป็นจากต้นทุนที่สามารถลดได้
  • การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: ช่วยในการเสนอราคาที่แข่งขันได้และปรับปรุงบริการ

ข้อเสีย

  • การเสียเวลา: ต้องใช้เวลาในการคำนวณและจัดการค่าใช้จ่ายพัสดุคงคลัง
  • ค่าใช้จ่ายเพิ่ม: การลงทุนในระบบจัดการอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
  • ความซับซ้อน: การจัดการค่าใช้จ่ายพัสดุคงคลังอาจซับซ้อนและต้องการความรู้เฉพาะ

ตารางสรุป

ประเภทค่าใช้จ่ายรายละเอียดตัวอย่าง
ต้นทุนผลิตภัณฑ์ต้นทุนสินค้าที่รวมถึงวัตถุดิบและวัสดุในการผลิตราคาวัตถุดิบ, น้ำมันหล่อลื่น, ผ้าหมึกเครื่องพิมพ์
ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสั่งซื้อสินค้าหรือการผลิตค่าการออกใบสั่งซื้อ, ค่าเครื่องเขียน, ค่าโทรศัพท์
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเก็บสินค้าสำรองในคลังค่าดอกเบี้ยเงินลงทุน, ค่าสถานที่เก็บรักษา, ค่าดูแลรักษา

การเข้าใจค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการคลังสินค้าได้ดีขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน