ข้อดีและของการมีพัสดุคงคลัง (Inventory Model) และต่อโลจิสติกส์

พัสดุคงคลัง (Inventory Model) หมายถึง สิ่งของที่เก็บไว้ในคลังสินค้า โกดัง หรือสถานที่เก็บสินค้าอื่น ๆ เพื่อรอการนำไปใช้หรือจำหน่าย พัสดุคงคลังมีบทบาทสำคัญในธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งแบ่งประเภทของพัสดุคงคลังออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่:

  1. วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ (Raw Materials & Components): ใช้ในการผลิตสินค้า
  2. สินค้าระหว่างกระบวนการผลิต (Work in ): ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในขั้นตอนการผลิต
  3. วัสดุและอุปกรณ์สนับสนุน (Maintenance, Repair & Operating Supplies): สิ่งของที่ใช้สนับสนุนกระบวนการผลิตหรือดำเนินงาน
  4. สินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods): สินค้าที่ผลิตเสร็จพร้อมจำหน่ายให้ลูกค้า

ข้อดีของการมีพัสดุคงคลัง

  1. การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า (Customer Demand Flexibility): การมีสต็อกสินค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการที่ผันผวนของลูกค้าได้ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสินค้าขาดแคลน
  2. ความต่อเนื่องในกระบวนการผลิต (Production Continuity): ในกรณีที่ธุรกิจเป็นผู้ผลิต การมีสต็อกช่วยป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นไปตามฤดูกาลหรือสินค้าที่มีความไม่แน่นอนในการจัดส่ง
  3. การลดการ (Cost-Efficiency in ): การสั่งซื้อสินค้าปริมาณมากอาจทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง และช่วยประหยัดต้นทุนในการดำเนินการสั่งซื้อ เช่น การออกใบสั่งซื้อ การตรวจรับสินค้า ฯลฯ
  4. การควบคุมการผลิต (Production Control): การเก็บสต็อกช่วยให้การผลิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงที่กระบวนการผลิตจะต้องหยุดชะงัก

ข้อเสียของการมีพัสดุคงคลัง

  1. ต้นทุนทางการเงิน (Financial Holding ): การเก็บสต็อกต้องใช้เงินลงทุน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อและค่าเสียโอกาสจากเงินหมุนเวียนที่ถูกกักอยู่ในรูปของสินค้าคงคลัง
  2. ค่าใช้จ่ายในการจัดการและรักษาคุณภาพ (Inventory Holding Costs): การเก็บรักษาสินค้าต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ค่าคลังสินค้า ค่าแรงงาน ค่าประกันภัย และการรักษาความปลอดภัย
  3. ความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพและล้าสมัย (Obsolescence & Spoilage Risks): สินค้าอาจเสื่อมคุณภาพ สูญหาย หรือล้าสมัยก่อนที่จะถูกนำมาใช้หรือนำไปจำหน่าย ทำให้เกิดความสูญเสียทางธุรกิจ

ผลกระทบต่อโลจิสติกส์

การจัดการพัสดุคงคลังส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินงานในระบบโลจิสติกส์ เนื่องจากมีผลต่อทั้งกระบวนการจัดเก็บ และการบริหารจัดการคลังสินค้า หากมีการวางแผนและบริหารจัดการที่ดี จะช่วยให้โลจิสติกส์มีความคล่องตัวมากขึ้น ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และในการตอบสนองความต้องการของตลาด

ตัวอย่างแบบเข้าใจง่าย ๆ ที่อธิบายข้อดีและข้อเสียของการมีพัสดุคงคลัง:

ข้อดีของการมีพัสดุคงคลัง

  1. ตัวอย่าง: ร้านขายเสื้อผ้า
    ถ้าร้านมีสต็อกเสื้อผ้าพร้อมขาย ลูกค้าที่มาช้อปปิ้งจะสามารถซื้อเสื้อผ้าที่ต้องการได้ทันที โดยไม่ต้องรอการสั่งผลิตหรือสั่งสินค้าเข้ามา ร้านก็จะขายได้มากขึ้น
  2. ตัวอย่าง: โรงงานผลิตขนม
    โรงงานที่สต็อกวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล แป้ง และช็อกโกแลตเอาไว้ตลอด จะสามารถผลิตขนมได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องหยุดผลิตเพียงเพราะขาดวัตถุดิบบางอย่าง
  3. ตัวอย่าง: บริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
    การสั่งสินค้าปริมาณมาก เช่น สั่งทีวีมาขายหลายร้อยเครื่อง ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยลง ทำให้บริษัทได้กำไรมากขึ้นเมื่อขายสินค้าออกไป

ข้อเสียของการมีพัสดุคงคลัง

  1. ตัวอย่าง: ร้านหนังสือที่มีสินค้าค้างสต็อกเยอะ
    หากร้านสั่งหนังสือจำนวนมากมาสต็อกไว้ แต่ขายไม่ออก เงินทุนจะจมอยู่กับหนังสือเหล่านี้ ทำให้ขาดเงินหมุนเวียนไปซื้อสินค้าที่ขายดีได้
  2. ตัวอย่าง: คลังสินค้าที่เก็บสินค้าเยอะเกินไป
    การเก็บสินค้ามาก ๆ ในคลัง ทำให้ต้องเสียค่าดูแลรักษาเพิ่มขึ้น เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่ารักษาความปลอดภัย หรือค่าไฟฟ้าสำหรับควบคุมอุณหภูมิสินค้า
  3. ตัวอย่าง: ร้านขายอุปกรณ์เทคโนโลยี
    ถ้าร้านมีสต็อกสินค้าเทคโนโลยีรุ่นเก่า ๆ เยอะ เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นเก่าที่ขายไม่ออก สินค้าเหล่านี้อาจล้าสมัยและขายไม่ออกเมื่อมีรุ่นใหม่เข้ามาแทน