Supply Chain (ซัพพลายเชน) มีผลต่อ Logistics (โลจิสติกส์) อย่างไร?
Supply Chain (ซัพพลายเชน) คือระบบการจัดการที่ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบจนถึงการส่งมอบสินค้าหรือบริการถึงมือลูกค้า โดยมีส่วนประกอบหลัก ได้แก่ Suppliers (ผู้จัดหาวัตถุดิบ), Manufacturers (ผู้ผลิต), Distributors (ผู้จัดจำหน่าย), Retailers (ผู้ค้าปลีก), Wholesalers (ผู้ค้าส่ง) และ Customers (ลูกค้า)
ความสำคัญของการจัดการ Supply Chain ที่มีต่อ Logistics:
- Material Flow (การไหลของวัตถุดิบและสินค้า): การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ไปยังโรงงานผลิต และการส่งสินค้าจากโรงงานไปยังลูกค้าสุดท้าย ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น การขนส่ง การจัดเก็บ และการกระจายสินค้า
- Information Flow (การไหลของข้อมูล): การส่งผ่านข้อมูลระหว่างขั้นตอนต่างๆ ในซัพพลายเชนเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้โลจิสติกส์มีความแม่นยำ ตั้งแต่ข้อมูลสั่งซื้อไปจนถึงการติดตามสถานะการจัดส่ง
- Money Flow (การไหลของเงินทุน): การชำระเงิน การออกใบแจ้งหนี้ และการจัดการงบประมาณในแต่ละขั้นตอนของซัพพลายเชน ล้วนส่งผลต่อการวางแผนด้านโลจิสติกส์เพื่อให้เกิดความสมดุลทางการเงิน
ตัวอย่างที่ชัดเจนของการจัดการ Supply Chain ในธุรกิจอาหารสด:
การจัดการซัพพลายเชนในธุรกิจอาหารสดเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการการประสานงานระหว่างหลายฝ่าย ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าสุดท้าย นี่คือขั้นตอนการทำงานในซัพพลายเชนของแผนกอาหารสดในห้างสรรพสินค้า:
- การจัดหาวัตถุดิบจากฟาร์มและโรงงานผลิต:
- ฟาร์มและผู้ผลิตคือซัพพลายเออร์ต้นน้ำที่มีหน้าที่ปลูกหรือผลิตวัตถุดิบ เช่น ผัก, ผลไม้, เนื้อสัตว์ หรืออาหารทะเล เพื่อเตรียมส่งไปยังโรงงานแปรรูปหรือแพ็คสินค้า
- ในขั้นตอนนี้ โลจิสติกส์เข้ามามีบทบาทในการจัดการการขนส่งสินค้าสดที่ต้องการการรักษาคุณภาพ เช่น การใช้รถห้องเย็นในการขนส่งเพื่อรักษาความสดใหม่ของสินค้า
- กระบวนการผลิตและการบรรจุ:
- หลังจากที่วัตถุดิบถูกส่งมาถึงโรงงาน จะมีการแปรรูป เช่น ล้าง, ตัดแต่ง, หรือบรรจุหีบห่อเพื่อความสะดวกในการจำหน่าย
- การจัดการโลจิสติกส์ที่ดีในขั้นตอนนี้ช่วยลดของเสียและรักษามาตรฐานการผลิต รวมถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังคลังสินค้าได้ตรงเวลา
- การกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ:
- หลังจากผลิตเสร็จแล้ว สินค้าจะถูกส่งไปยังคลังสินค้าของห้างสรรพสินค้า และกระจายไปยังสาขาต่างๆ ตามความต้องการของตลาด
- โลจิสติกส์มีหน้าที่ในการจัดส่งสินค้าให้ตรงตามปริมาณและเวลาที่ต้องการ เพื่อให้สินค้าสดใหม่พร้อมขายบนชั้นวางสินค้า
- การจัดวางสินค้าบนชั้นขาย:
- สุดท้ายนี้ สินค้าจะถูกจัดวางบนชั้นขายในแผนกอาหารสดของห้าง ซึ่งต้องอาศัยการจัดการสต็อกที่ดีเพื่อไม่ให้สินค้าหมดหรือเสียหาย
- โลจิสติกส์ยังมีบทบาทในการบริหารจัดการการเติมสินค้าและการติดตามสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
การเชื่อมโยงระหว่าง Supply Chain และ Logistics:
ทุกขั้นตอนในกระบวนการนี้เป็นตัวอย่างของการจัดการซัพพลายเชนที่มีโลจิสติกส์เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การจัดเก็บ หรือการกระจายสินค้า ล้วนต้องอาศัยการวางแผนและควบคุมที่ดีเพื่อให้สินค้าสดถึงมือผู้บริโภคในสภาพที่ดีที่สุด