FIFO (First In First Out) คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?
First In First Out (FIFO) หรือ เฟริสอิน เฟริสเอ้าท์ เป็นหลักการการจัดการสินค้าหรือวัตถุดิบในคลังสินค้าซึ่งหมายถึงสินค้าหรือวัตถุดิบที่เข้ามาก่อนจะต้องออกจากคลังไปก่อน วิธีการนี้มักถูกนำมาใช้ในการวัดต้นทุนของสินค้า และมีความสำคัญในการจัดการคลังสินค้าเพื่อรักษาคุณภาพและลดความเสี่ยงจากการหมดอายุของสินค้า
หลักการ FIFO
หลักการ FIFO ยึดถือว่า:
- สินค้าใหม่ ที่เข้ามาในคลังหลังสุดจะถูกจัดเก็บและจะออกจากคลังหลังสุด
- สินค้าหรือวัตถุดิบที่เข้ามาก่อน จะต้องถูกใช้ออกก่อน หรือขายออกก่อน
ตัวอย่างการใช้ FIFO
1. ในร้านกาแฟ
สถานการณ์: ร้านกาแฟของคุณมีเมล็ดกาแฟหลายรอบการผลิตและใช้หลักการ FIFO เพื่อจัดการคลังเมล็ดกาแฟ
การดำเนินการ:
- เมล็ดกาแฟรอบการผลิตที่ 1: ได้รับในเดือนมกราคม
- เมล็ดกาแฟรอบการผลิตที่ 2: ได้รับในเดือนกุมภาพันธ์
การใช้ FIFO:
- การจัดการคลัง: เมล็ดกาแฟที่ได้รับในเดือนมกราคมจะถูกจัดเก็บในส่วนที่เข้าถึงง่ายที่สุดในคลัง เช่น ด้านหน้า
- การใช้งาน: เมล็ดกาแฟที่ใช้ทำกาแฟในร้านจะถูกใช้จากรอบการผลิตที่ 1 ก่อน (เดือนมกราคม) และเมื่อใช้หมดแล้ว จึงจะใช้เมล็ดกาแฟจากรอบการผลิตที่ 2 (เดือนกุมภาพันธ์)
ผลลัพธ์:
- การควบคุมคุณภาพ: ลดความเสี่ยงที่เมล็ดกาแฟจะหมดอายุ เนื่องจากเมล็ดกาแฟที่เก่ากว่าจะถูกใช้ก่อน
- การรักษาคุณภาพ: เมล็ดกาแฟที่มีอายุมากกว่าจะถูกใช้ก่อน ซึ่งช่วยให้กาแฟที่เสิร์ฟมีคุณภาพดีและสดใหม่
2. ในซูเปอร์มาร์เก็ต
สถานการณ์: ซูเปอร์มาร์เก็ตต้องจัดการกับผลิตภัณฑ์ที่มีวันหมดอายุ เช่น นมและขนมปัง
การดำเนินการ:
- นมกล่อง: ได้รับเข้ามาในคลังวันที่ 1 มีนาคม และ 15 มีนาคม
- ขนมปัง: ได้รับเข้ามาในคลังวันที่ 5 มีนาคม และ 20 มีนาคม
การใช้ FIFO:
- การจัดการคลัง: นมกล่องและขนมปังที่ได้รับวันที่ 1 มีนาคมจะถูกจัดวางที่ด้านหน้าในชั้นวางสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าเหล่านี้ได้ก่อน
- การขาย: เมื่อลูกค้าซื้อสินค้า นมกล่องและขนมปังที่ได้รับก่อนจะถูกขายออกไปก่อน
ผลลัพธ์:
- ลดการหมดอายุ: ลดโอกาสที่สินค้าในคลังจะหมดอายุเพราะสินค้าที่เก่ากว่าจะถูกขายออกไปก่อน
- การบริการลูกค้า: ลูกค้าจะได้รับสินค้าที่มีวันหมดอายุยาวนานขึ้น และยังมีคุณภาพดี
ข้อดีของ FIFO
- ลดความเสี่ยงจากการหมดอายุ: ช่วยให้สินค้าหรือวัตถุดิบที่เก่ากว่าถูกใช้งานหรือขายออกก่อน ลดการสูญเสียจากสินค้าที่หมดอายุ
- คงคุณภาพสินค้า: ใช้สำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งานสั้น ช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่สดใหม่
- การจัดการต้นทุน: ช่วยในการคำนวณต้นทุนที่แม่นยำ โดยใช้ต้นทุนของสินค้าที่เข้ามาก่อนเป็นต้นทุนของสินค้าที่ขายออก
ข้อเสียของ FIFO
- การบริหารคลังสินค้าซับซ้อน: ต้องมีการติดตามและจัดการสินค้าหรือวัตถุดิบในคลังอย่างรอบคอบ
- อาจไม่เหมาะกับสินค้าทุกประเภท: สำหรับสินค้าที่ไม่เสื่อมสภาพหรือไม่มีวันหมดอายุ การใช้ FIFO อาจไม่จำเป็น
- ต้นทุนการจัดการสูง: อาจต้องมีการลงทุนในระบบจัดการคลังที่มีความซับซ้อนเพื่อให้แน่ใจว่าหลักการ FIFO ถูกใช้อย่างถูกต้อง