เนื้อหา มีอะไรบ้างนะ!
สรุปเข้าใจง่าย! ความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการ 8 Wastes ในการผลิต
แนวคิด “ความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการ (8 Wastes หรือ 7+1 Wastes)” เป็นหลักการสำคัญใน Lean Manufacturing ที่พัฒนาโดยบริษัท Toyota Motor ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เกิด “ความสูญเปล่า” ในกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและลดประสิทธิภาพการทำงาน ความสูญเปล่าเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้:
ตัวอย่างประกอบของความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการ
- การผลิตมากเกินไป (Overproduction)
- ตัวอย่าง: โรงงานผลิตขนมปังอบขนมมากกว่าความต้องการที่ตลาดต้องการ ทำให้ขนมปังเหลือจนหมดอายุและต้องทิ้ง ทำให้เสียต้นทุนโดยไม่จำเป็น
- การผลิตของเสีย (Defects)
- ตัวอย่าง: สายการผลิตที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้อบกพร่องจำนวนมาก ซึ่งต้องเสียเวลาและทรัพยากรในการตรวจสอบ แก้ไข หรือผลิตใหม่ ส่งผลให้สูญเสียทั้งเวลาและต้นทุน
- ความล่าช้าหรือการรอคอย (Waiting)
- ตัวอย่าง: การรอคอยชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ที่มาส่งล่าช้า ทำให้เครื่องจักรในสายการผลิตต้องหยุดทำงาน และเกิดความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า
- การมีวัสดุคงคลังที่ไม่จำเป็น (Excess Inventory)
- ตัวอย่าง: ร้านค้าออนไลน์ที่สั่งซื้อสินค้ามาเก็บไว้มากเกินความต้องการ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ และมีความเสี่ยงที่สินค้าจะเสื่อมสภาพหากไม่ได้ขายออกตามเวลา
- การขนส่งหรือขนย้ายที่ไม่จำเป็น (Excess Transport)
- ตัวอย่าง: การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบจากคลังสินค้าที่อยู่ไกลจากสายการผลิตเกินไป ทำให้เสียเวลาในการขนส่งและเพิ่มต้นทุน โดยไม่มีการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า
- กระบวนการที่ไม่จำเป็น (Overprocessing)
- ตัวอย่าง: การขัดชิ้นส่วนโลหะให้เรียบเกินความจำเป็น ทั้งที่คุณภาพที่ต้องการไม่ได้สูงขนาดนั้น ทำให้เสียเวลาทำงานและต้นทุนที่ไม่จำเป็น
- การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น (Excess Motion)
- ตัวอย่าง: พนักงานในสายการผลิตต้องเอื้อมหยิบเครื่องมือที่วางอยู่ไกลเกินไปทุกครั้ง ทำให้เสียเวลาและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในการทำงาน
- การใช้คนไม่เต็มประสิทธิภาพ (Underutilized Talent)
- ตัวอย่าง: พนักงานที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาถูกมอบหมายให้ทำงานที่ไม่ซับซ้อนแทนการใช้ความสามารถของเขา ทำให้ไม่ได้ใช้ทักษะที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อดี
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ลดขั้นตอนและกระบวนการที่ไม่จำเป็น ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น
- ลดต้นทุน: การลดความสูญเปล่าช่วยให้ลดต้นทุนในการจัดเก็บ การขนส่ง และการผลิตใหม่
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: สินค้ามีคุณภาพสูงขึ้น ส่งมอบตามเวลาที่กำหนด ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น
- ส่งเสริมวัฒนธรรมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Kaizen): พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและแก้ไขกระบวนการ
ข้อเสีย
- ความยุ่งยากในการปรับตัว: การนำแนวคิดนี้มาใช้ในองค์กรอาจต้องมีการฝึกอบรมพนักงานใหม่ ซึ่งใช้เวลาและทรัพยากร
- การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง: พนักงานบางส่วนอาจไม่ยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานเดิม ๆ
- ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบ: การวิเคราะห์และปรับกระบวนการอาจต้องใช้งบประมาณในการลงทุนเพิ่มเติม
ประโยชน์
- การลดของเสียและลดต้นทุนรวม: ช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความสูญเปล่าในทุกขั้นตอน
- การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: องค์กรที่สามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนจะได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
- พัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน: ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหา การปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
ค่าเสียเวลา (Wasted Time)
การจัดการกับความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการนี้สามารถช่วยลดเวลาอันสูญเปล่าที่เกิดจาก
- การรอคอยชิ้นส่วนหรือข้อมูลที่จำเป็น
- การทำงานซ้ำเนื่องจากข้อบกพร่อง
- การเคลื่อนไหวและการขนส่งที่ไม่จำเป็น
- การผลิตสินค้าหรือบริการเกินความต้องการของลูกค้า
ตารางสรุป: ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และค่าเสียเวลา
หมวดหมู่ | รายละเอียด |
---|---|
ข้อดี | – เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต – ลดต้นทุน – เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า – ส่งเสริมวัฒนธรรม Kaizen |
ข้อเสีย | – ยุ่งยากในการปรับตัว – การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง – ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบ |
ประโยชน์ | – ลดของเสียและลดต้นทุนรวม – เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน – พัฒนาทักษะพนักงาน |
ค่าเสียเวลา | – ลดเวลาการรอคอย – ลดการทำงานซ้ำ – ลดการขนส่งและเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น |
นอกจาก ความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการ (8 Wastes หรือ 7+1 Wastes)
ที่เป็นแนวคิดดั้งเดิมใน Lean Manufacturing แล้ว ปัจจุบันยังมีการพัฒนาแนวคิดการจัดการความสูญเปล่าให้ครอบคลุมบริบทใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมการทำงานสมัยใหม่มากขึ้น โดยสรุปได้ดังนี้
1. การจัดการข้อมูลที่มากเกินไป (Information Overload)
ในยุคดิจิทัล ข้อมูลมีอยู่จำนวนมาก หากมีการจัดเก็บและวิเคราะห์ไม่ดีพอ จะทำให้ข้อมูลที่ไม่จำเป็นถูกนำมาใช้ ส่งผลให้เกิดความสูญเปล่าในแง่ของการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่ไม่มีประสิทธิภาพ
2. การสูญเสียทางด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Wastes)
องค์กรหลายแห่งเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืน (Sustainability) การผลิตที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานเกินจำเป็นหรือการสร้างขยะที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ จะทำให้เกิดความสูญเปล่าที่ส่งผลต่อทั้งต้นทุนและภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว
3. การใช้เทคโนโลยีอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ (Underutilized Technology)
แม้จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้งาน แต่หากองค์กรไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น ใช้ระบบอัตโนมัติแต่ยังต้องพึ่งพาการทำงานด้วยมือ ก็จะเป็นการเพิ่มความสูญเปล่าที่ไม่จำเป็น
4. การขาดการทำงานร่วมกันและการสื่อสารที่ไม่ดี (Poor Collaboration and Communication)
ในองค์กรที่มีหลายฝ่ายหรือแผนก การขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพอาจทำให้เกิดความสูญเปล่าในรูปแบบของการทำงานซ้ำซ้อน ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
5. การจัดการกับความซับซ้อนที่ไม่จำเป็น (Unnecessary Complexity)
การเพิ่มขั้นตอนหรือกระบวนการที่ซับซ้อนโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้เกิดความยุ่งยากในการทำงานและทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง
การขยายแนวคิด “8 Wastes” ในปัจจุบัน
แม้ว่าแนวคิดเดิม “8 Wastes” ยังคงมีความสำคัญ แต่การขยายแนวคิดเหล่านี้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับบริบทใหม่ เช่น การใช้เทคโนโลยี การรักษาสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวให้เข้ากับโลกดิจิทัล ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างแสดง ความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการ (8 Wastes) เดิมและการขยายแนวคิดในปัจจุบันที่ครอบคลุมความสูญเปล่าเพิ่มเติมในบริบทของเทคโนโลยีและการจัดการใหม่ ๆประเภทความสูญเปล่า ความสูญเปล่าเดิม (8 Wastes) ความสูญเปล่าเพิ่มเติมในปัจจุบัน 1. การผลิตมากเกินไป (Overproduction) ผลิตสินค้ามากเกินความต้องการ การวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่ตรงเป้า ส่งผลให้ทำงานซ้ำซ้อน (เช่น การเก็บข้อมูลมากเกินไป) 2. ของเสีย (Defects) สินค้าที่มีข้อบกพร่องต้องถูกแก้ไข ข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ ส่งผลให้การตัดสินใจผิดพลาด 3. การรอคอย (Waiting) รอการส่งมอบหรือกระบวนการล่าช้า ระบบงานที่ไม่เชื่อมต่อหรือประสานงานช้า ทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการ 4. วัสดุคงคลัง (Inventory) สต็อกสินค้าเกินความจำเป็น ข้อมูลที่ไม่ถูกจัดการ ทำให้เสียเวลาและพื้นที่จัดเก็บ 5. การขนส่ง (Transportation) การขนส่งที่ไม่เพิ่มมูลค่า การใช้เทคโนโลยีในการจัดการโลจิสติกส์ที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ 6. กระบวนการ (Process) กระบวนการที่ไม่เหมาะสมหรือเกินจำเป็น กระบวนการที่ซับซ้อนและมีขั้นตอนมากเกินไป ส่งผลให้การทำงานช้าลง 7. การเคลื่อนไหว (Motion) การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น ระบบดิจิทัลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ต้องทำงานแบบมือซ้ำซ้อน 8. การใช้คนไม่เป็น (Underutilized People) ใช้คนไม่ตรงกับทักษะงาน การละเลยการพัฒนาทักษะบุคลากรเพื่อปรับตัวในยุคดิจิทัล เพิ่มเติมในปัจจุบัน – ความสูญเสียด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารเทคโนโลยีที่ไม่ยั่งยืน
Q&A เกี่ยวกับความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการ (8 Wastes)
Q1: ความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการคืออะไร?
A1: ความสูญเปล่าทั้ง 8 ประการคือหลักการสำคัญใน Lean Manufacturing ที่ระบุถึง 8 ประเภทของความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพลดลง:
- การผลิตมากเกินไป (Overproduction)
- การผลิตของเสีย (Defects)
- ความล่าช้าหรือการรอคอย (Waiting)
- การมีวัสดุคงคลังที่ไม่จำเป็น (Excess Inventory)
- การขนส่งหรือขนย้ายที่ไม่จำเป็น (Excess Transport)
- กระบวนการที่ไม่จำเป็น (Overprocessing)
- การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น (Excess Motion)
- การใช้คนไม่เต็มประสิทธิภาพ (Underutilized Talent)
Q2: การผลิตมากเกินไปคืออะไร?
A2: การผลิตมากเกินไป (Overproduction) คือการผลิตสินค้าหรือบริการเกินกว่าความต้องการของลูกค้า ซึ่งส่งผลให้สินค้าส่วนเกินต้องถูกทิ้งหรือขายในราคาต่ำ ตัวอย่างเช่น โรงงานขนมปังที่ผลิตมากกว่าความต้องการของตลาด
Q3: การผลิตของเสียคืออะไร?
A3: การผลิตของเสีย (Defects) คือการผลิตสินค้าหรือชิ้นส่วนที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการตรวจสอบ แก้ไข หรือผลิตใหม่ ส่งผลให้เกิดความสูญเปล่าในแง่ของเวลาและต้นทุน ตัวอย่างเช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้อบกพร่อง
Q4: ความล่าช้าหรือการรอคอยคืออะไร?
A4: ความล่าช้าหรือการรอคอย (Waiting) คือเวลาที่ต้องรอวัสดุหรือข้อมูลที่จำเป็น ซึ่งทำให้เครื่องจักรหรือกระบวนการหยุดชะงักและเกิดความล่าช้า ตัวอย่างเช่น การรอชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ที่มาส่งล่าช้า
Q5: การมีวัสดุคงคลังที่ไม่จำเป็นคืออะไร?
A5: การมีวัสดุคงคลังที่ไม่จำเป็น (Excess Inventory) คือการมีสินค้าหรือวัสดุเกินความจำเป็น ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ และมีความเสี่ยงที่สินค้าจะเสื่อมสภาพ ตัวอย่างเช่น ร้านค้าออนไลน์ที่สั่งซื้อสินค้ามาเก็บไว้มากเกินไป
Q6: การขนส่งหรือขนย้ายที่ไม่จำเป็นคืออะไร?
A6: การขนส่งหรือขนย้ายที่ไม่จำเป็น (Excess Transport) คือการขนย้ายวัตถุดิบหรือสินค้าในระยะทางที่ไกลเกินไป ซึ่งเพิ่มต้นทุนและเวลาในการขนส่ง ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบจากคลังสินค้าที่อยู่ไกลจากสายการผลิต
Q7: กระบวนการที่ไม่จำเป็นคืออะไร?
A7: กระบวนการที่ไม่จำเป็น (Overprocessing) คือการทำงานหรือขั้นตอนที่ไม่เพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า แต่กลับเพิ่มเวลาและต้นทุน ตัวอย่างเช่น การขัดชิ้นส่วนโลหะให้เรียบเกินความจำเป็น
Q8: การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นคืออะไร?
A8: การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น (Excess Motion) คือการเคลื่อนไหวหรือการทำงานที่ไม่จำเป็นซึ่งทำให้เสียเวลาและเพิ่มความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น พนักงานในสายการผลิตต้องหยิบเครื่องมือที่วางอยู่ไกลเกินไป
Q9: การใช้คนไม่เต็มประสิทธิภาพคืออะไร?
A9: การใช้คนไม่เต็มประสิทธิภาพ (Underutilized Talent) คือการใช้พนักงานที่มีความสามารถและทักษะในการทำงานที่ไม่ตรงกับความสามารถของพวกเขา ตัวอย่างเช่น พนักงานที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์แต่ทำงานที่ไม่ซับซ้อน
Q10: ข้อดีของการจัดการความสูญเปล่าคืออะไร?
A10: ข้อดีของการจัดการความสูญเปล่าคือ:
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- ลดต้นทุน
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- ส่งเสริมวัฒนธรรมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Kaizen)
Q11: ข้อเสียของการจัดการความสูญเปล่าคืออะไร?
A11: ข้อเสียของการจัดการความสูญเปล่าคือ:
- ความยุ่งยากในการปรับตัว
- การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
- ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบ
Q12: ประโยชน์ของการจัดการความสูญเปล่าคืออะไร?
A12: ประโยชน์ของการจัดการความสูญเปล่าคือ:
- ลดของเสียและลดต้นทุนรวม
- เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
- พัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน
Q13: ค่าเสียเวลาที่เกิดจากความสูญเปล่ามีอะไรบ้าง?
A13: ค่าเสียเวลาที่เกิดจากความสูญเปล่ามี:
- ลดเวลาการรอคอย
- ลดการทำงานซ้ำ
- ลดการขนส่งและเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น
Q14: ความสูญเปล่าเพิ่มเติมในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?
A14: ความสูญเปล่าเพิ่มเติมในปัจจุบันรวมถึง:
- การจัดการข้อมูลที่มากเกินไป (Information Overload)
- การสูญเสียทางด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Wastes)
- การใช้เทคโนโลยีอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ (Underutilized Technology)
- การขาดการทำงานร่วมกันและการสื่อสารที่ไม่ดี (Poor Collaboration and Communication)
- การจัดการกับความซับซ้อนที่ไม่จำเป็น (Unnecessary Complexity)
ชอบมากมีประโยชน์นำไปใช้ได้ ขอบคุณ
thank you kub