5 Force Model ของ Porter: วิธีการวิเคราะห์การแข่งขั้นในตลาด
Porter’s Five Forces Model: การวิเคราะห์การแข่งขันเพื่อความได้เปรียบ
Porter’s Five Forces Model หรือ 5 Force Model เป็นเครื่องมือที่พัฒนาโดย Michael E. Porter นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง เพื่อใช้ในการประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกของธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ซึ่งสามารถช่วยในการระบุโอกาสและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นได้
1. อำนาจของผู้ซื้อ (Buyer Power): การวิเคราะห์อำนาจของผู้ซื้อช่วยให้เข้าใจว่าผู้ซื้อมีกำลังในการต่อรองราคาหรือไม่ หากผู้ซื้อสามารถซื้อในปริมาณมากหรือมีตัวเลือกหลายราย พวกเขามักจะมีอำนาจในการต่อรองสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาต่ำลงและเงื่อนไขการซื้อที่ดีกว่า
- ตัวอย่าง: หากบริษัทขายสมาร์ตโฟนที่มีความต้องการสูงในตลาด ผู้ซื้อจำนวนมากที่ซื้อสมาร์ตโฟนจากบริษัทนั้นสามารถเจรจาต่อรองราคาหรือขอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้ เพราะบริษัทต้องรักษาฐานลูกค้า
2. อำนาจของผู้ขาย (Seller Power): การวิเคราะห์จำนวนผู้ขายในตลาดสามารถบ่งบอกถึงอำนาจในการต่อรองของผู้ขายได้ ถ้ามีผู้ขายรายเดียวหรือมีน้อยราย ผู้ขายจะมีอำนาจมากกว่าในการกำหนดราคาและเงื่อนไขการขาย แต่หากมีหลายราย ผู้ซื้อจะมีทางเลือกและอำนาจในการต่อรองราคามากขึ้น
- ตัวอย่าง: ในตลาดเครื่องมือแพทย์ หากมีผู้ขายเพียงรายเดียวที่ขายอุปกรณ์เฉพาะทาง ราคาที่เสนออาจสูงกว่าหรือมีข้อกำหนดที่ไม่ยืดหยุ่น ผู้ซื้ออาจต้องเผชิญกับราคาสูงและเงื่อนไขที่ไม่ค่อยเอื้อประโยชน์
3. การทดแทน (Substitution): การวิเคราะห์สินค้าทดแทนที่มีในตลาดช่วยให้เข้าใจถึงความสามารถในการเปลี่ยนแปลงของผู้ซื้อ หากมีสินค้าทดแทนที่มีต้นทุนต่ำกว่าหรือมีคุณภาพใกล้เคียงกัน ผู้ซื้อจะมีอำนาจในการต่อรองที่สูงขึ้น เพราะสามารถเปลี่ยนไปใช้สินค้าทดแทนได้ง่าย
- ตัวอย่าง: หากมีสินค้าทดแทนเช่น บัตรเครดิตที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าบัตรเครดิตปัจจุบัน ผู้ถือบัตรเครดิตอาจเปลี่ยนไปใช้บัตรเครดิตใหม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ขายปัจจุบันต้องปรับปรุงเงื่อนไขเพื่อดึงดูดลูกค้า
4. ความขัดแย้งระหว่างคู่แข่ง (Rivalry): การวิเคราะห์ระดับการแข่งขันในตลาดจะช่วยให้ทราบถึงความรุนแรงของการแข่งขัน หากมีคู่แข่งน้อยหรือมีการแข่งขันน้อย ผู้ขายอาจมีอำนาจในการตั้งราคาและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับตนเอง แต่หากมีการแข่งขันสูง ผู้ขายจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
- ตัวอย่าง: ในตลาดรถยนต์หรูที่มีผู้ผลิตจำนวนมาก การแข่งขันจะมีความรุนแรง ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายต้องใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น โปรโมชั่นหรือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อดึงดูดลูกค้า
5. อุปสรรคของผู้แข่งขันรายใหม่ (Entry Barriers): การวิเคราะห์อุปสรรคในการเข้าตลาดสำหรับคู่แข่งรายใหม่จะช่วยให้รู้ว่าการเข้าสู่ตลาดนั้นง่ายหรือยากเพียงใด หากมีอุปสรรคสูง เช่น ต้นทุนเริ่มต้นสูงหรือข้อกำหนดที่เข้มงวด ธุรกิจที่มีอยู่จะมีความได้เปรียบในด้านการเจรจาต่อรองกับผู้ขาย
- ตัวอย่าง: อุตสาหกรรมการบินมีอุปสรรคสูงในการเข้าตลาด เช่น การลงทุนในเครื่องบินและการได้รับใบอนุญาตที่เข้มงวด ทำให้การเข้ามาแข่งขันของสายการบินใหม่เป็นเรื่องยาก
การศึกษาและการประยุกต์ใช้: การเข้าใจและการประยุกต์ใช้โมเดล Porter’s Five Forces เป็นสิ่งสำคัญในการวางกลยุทธ์ธุรกิจและการตัดสินใจทางการตลาด ซึ่งสามารถช่วยในการลดจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา: เนื้อหาสรุปวิชา LSC305: การจัดการผู้ขายปัจจัยการผลิตสัมพันธ์ โดย อาจารย์ธีวินท์ นฤนาท, มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ข้อดี ข้อเสีย ผลโยชน์ และค่าเสียเวลา (Cost-Benefit Analysis)
เป็นวิธีที่ดีในการประเมินและเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ ในการตัดสินใจทางธุรกิจ โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้ Porter’s Five Forces Model เพื่อวิเคราะห์ตลาดและการแข่งขัน เราสามารถสร้างตารางนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจได้:
ตาราง: การวิเคราะห์ Porter’s Five Forces Model
ปัจจัย | ข้อดี | ข้อเสีย | ผลโยชน์ | ค่าเสียเวลา |
---|---|---|---|---|
อำนาจของผู้ซื้อ | – ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า | – อาจทำให้ต้องลดราคาหรือเพิ่มบริการ | – ปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายให้ตรงตามความต้องการ | – ใช้เวลาในการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า |
อำนาจของผู้ขาย | – ช่วยให้รู้สถานะของผู้ขายและการต่อรองราคา | – อาจต้องเผชิญกับราคาสูงหรือข้อกำหนดที่ไม่ดี | – สามารถเจรจาต่อรองและหาผู้ขายหลายรายได้ | – ต้องใช้เวลาศึกษาตลาดและการเจรจา |
การทดแทน | – เพิ่มความสามารถในการต่อรองราคา | – อาจทำให้ต้องแข่งขันกับสินค้าทดแทนที่ดีขึ้น | – สามารถเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นได้ | – ใช้เวลาศึกษาสินค้าทดแทนและแนวโน้มตลาด |
ความขัดแย้งระหว่างคู่แข่ง | – ช่วยให้เตรียมกลยุทธ์การแข่งขัน | – อาจต้องลงทุนเพิ่มเพื่อแข่งขัน | – สามารถใช้กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้า | – ใช้เวลาในการวิเคราะห์คู่แข่งและวางกลยุทธ์ |
อุปสรรคของผู้แข่งขันรายใหม่ | – ลดความเสี่ยงจากคู่แข่งใหม่ | – อาจไม่สามารถลดราคาหรือปรับกลยุทธ์ได้ | – สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและลดความเสี่ยง | – ต้องใช้เวลาประเมินอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด |
การอธิบาย
- ข้อดี: บอกถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการวิเคราะห์แต่ละปัจจัย เช่น การรู้ข้อกำหนดของลูกค้า หรือ การเตรียมกลยุทธ์การแข่งขัน
- ข้อเสีย: อธิบายถึงปัญหาหรือข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้น เช่น การต้องลดราคา หรือ ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
- ผลโยชน์: บอกถึงผลลัพธ์ที่ได้รับจากการวิเคราะห์ เช่น การปรับกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ การรักษาส่วนแบ่งตลาด
- ค่าเสียเวลา: ประมาณการเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์แต่ละปัจจัย เช่น เวลาในการสำรวจข้อมูลลูกค้า หรือ การวิเคราะห์ตลาด
อาจารย์เราเองอะ 55555