เนื้อหา มีอะไรบ้างนะ!
Q&A เหมาะสมกับการอ่านสอบและทำการบ้าน:
Q&A เกี่ยวกับสาขาโลจิสติกส์
คำถาม: เรียนจบสาขาโลจิสติกส์แล้ว ต้องทำงานเป็นคนส่งของหรือไม่?
คำตอบ: ไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นคนส่งของ หลังจากเรียนจบสาขาโลจิสติกส์ คุณสามารถทำงานในตำแหน่งที่หลากหลายได้ เช่น เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ ผู้ช่วยผู้จัดการซัพพลายเชน หรือผู้จัดการคลังสินค้า งานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและประสานงานการขนส่ง การจัดการคลังสินค้า และการวางแผนการจัดส่งเป็นเพียงบางส่วนของสาขานี้
คำถาม: งานที่เกี่ยวข้องกับสาขาโลจิสติกส์ที่ไม่ต้องเป็นคนส่งของมีอะไรบ้าง?
คำตอบ: งานที่เกี่ยวข้องกับสาขาโลจิสติกส์ที่ไม่ต้องเป็นคนส่งของ ได้แก่:
- เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ (Logistics Officer): รับผิดชอบงานประจำที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและประสานงานการขนส่งหรือคลังสินค้า
- ผู้ช่วยผู้จัดการซัพพลายเชน (Assistant Supply Chain Manager): ช่วยผู้จัดการในงานประจำ และเรียนรู้กระบวนการทั้งหมดของการจัดการซัพพลายเชน
คำถาม: เส้นทางอาชีพหลังจากเรียนจบสาขาโลจิสติกส์มีอะไรบ้าง?
คำตอบ: เส้นทางอาชีพหลังจากเรียนจบสาขาโลจิสติกส์ประกอบด้วย:
- ตำแหน่งเริ่มต้น: เช่น เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ หรือ ผู้ช่วยผู้จัดการซัพพลายเชน
- การพัฒนาทักษะและประสบการณ์: เข้าร่วมการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ, การวิเคราะห์ข้อมูล, การบริหารทีม เป็นต้น
- การเติบโตในสายอาชีพ: การได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการหรือผู้บริหาร และการรับบทบาทที่ท้าทายมากขึ้น
คำถาม: โลจิสติกส์ (Logistics) ไม่ได้หมายถึงการขนส่งสินค้าอย่างเดียวจริงหรือ?
คำตอบ: ใช่, โลจิสติกส์ไม่ได้หมายถึงการขนส่งสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ครอบคลุมหลายด้าน เช่น:
- การจัดการคลังสินค้า: การจัดเก็บและควบคุมสินค้าคงคลัง
- การกระจายสินค้า: การจัดส่งสินค้าจากคลังไปยังจุดหมายปลายทาง
- การจัดการสินค้าคงคลัง: การตรวจสอบและควบคุมปริมาณสินค้าที่มีอยู่
- การบรรจุหีบห่อ: การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อการขนส่ง
- การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ: การใช้เทคโนโลยีในการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
คำถาม: ร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงใช้โลจิสติกส์อย่างไร?
คำตอบ: ร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงใช้โลจิสติกส์ในการจัดการหลายด้าน:
- การจัดการคลังสินค้าและการขนส่ง: การใช้ระบบสต๊อกเพื่อติดตามปริมาณสินค้าคงคลังและศูนย์กระจายสินค้า
- การบรรจุหีบห่อ: การบรรจุสินค้าอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสียหาย
- การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ: การติดตามการขนส่งและการตอบสนองคำสั่งซื้อ
- การบริการลูกค้า: การตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
คำถาม: ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และการเสียเวลาในกระบวนการจัดการคลังสินค้าคืออะไร?
คำตอบ:
- การจัดการคลังสินค้า:
- ข้อดี: ติดตามสต๊อกได้เรียลไทม์ ลดการขาดแคลนสินค้า
- ข้อเสีย: ต้องการการจัดการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
- ประโยชน์: เพิ่มความสะดวกในการจัดการและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลน
- เสียเวลาไหม: การติดตั้งและบำรุงรักษาอาจใช้เวลา แต่ช่วยลดเวลาในการจัดการ
คำถาม: โลจิสติกส์ (Logistics) คืออะไร?
คำตอบ: โลจิสติกส์คือกระบวนการจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้า วัสดุ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายรวมในกระบวนการจัดการสินค้าและวัสดุ
เรียนจบสาขาโลจิสติกส์แล้ว ต้องทำงานเป็นคนส่งของ หรือไม่ ?
ไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นคนส่งของ หลังจากเรียนจบสาขาโลจิสติกส์ครับ แม้ว่าการจัดการการขนส่งเป็นส่วนหนึ่งของโลจิสติกส์ แต่สาขานี้มีหลายด้านที่สามารถทำงานในบทบาทต่าง ๆ ได้
งานที่เกี่ยวข้องกับสาขาโลจิสติกส์ที่ไม่ต้องเป็นคนส่งของ
เส้นทางอาชีพหลังจากเรียนจบสาขาโลจิสติกส์
- ตำแหน่งเริ่มต้น: เริ่มต้นด้วยการทำงานในตำแหน่งระดับเริ่มต้น เช่น:
- เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ (Logistics Officer): รับผิดชอบงานประจำที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและประสานงานการขนส่งหรือคลังสินค้า
- ผู้ช่วยผู้จัดการซัพพลายเชน (Assistant Supply Chain Manager): ช่วยผู้จัดการในงานประจำ และเรียนรู้กระบวนการทั้งหมดของการจัดการซัพพลายเชน
- การพัฒนาทักษะและประสบการณ์:
- ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ: เข้าร่วมการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ, การวิเคราะห์ข้อมูล, การบริหารทีม เป็นต้น
- การเรียนรู้จากประสบการณ์: ทำงานในหลายบทบาทที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเข้าใจการทำงานในแต่ละด้าน
- การเติบโตในสายอาชีพ:
- การได้รับการเลื่อนตำแหน่ง: หลังจากสะสมประสบการณ์และทักษะในบทบาทเริ่มต้น คุณอาจได้รับโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการหรือผู้บริหาร
- การรับบทบาทที่ท้าทายมากขึ้น: เช่น การรับผิดชอบโครงการใหญ่, การจัดการทีมขนาดใหญ่, หรือการจัดการส่วนงานเฉพาะทาง
ทำไม “โลจิสติกส์” (Logistics) ไม่ใช่ขนส่งสินค้าเพียงอย่างเดียวอาจเกิดจากหลายสาเหตุ
การใช้คำที่จำกัด: คำว่า “โลจิสติกส์” มักถูกใช้เพื่ออ้างถึงการขนส่งสินค้าในหลายบริบท เช่น การขนส่งสินค้าในแคมเปญโฆษณา หรือการพูดคุยเกี่ยวกับบริการขนส่ง ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าโลจิสติกส์หมายถึงแค่การขนส่งเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง โลจิสติกส์ครอบคลุมถึงการจัดการหลายด้าน เช่น การจัดเก็บสินค้า การควบคุมสินค้าคงคลัง และการวางแผนการจัดส่ง เป็นต้น การเน้นที่การขนส่งเพียงอย่างเดียวทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วนเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของโลจิสติกส์ทั้งหมด
โลจิสติกส์ (Logistics) ไม่ได้หมายถึงการขนส่งสินค้าอย่างเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ครอบคลุมหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัสดุตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง นี่คือบางส่วนที่รวมอยู่ในโลจิสติกส์:
- การจัดการคลังสินค้า: การจัดเก็บสินค้าในคลังและการควบคุมสต๊อก
- การกระจายสินค้า: การจัดส่งสินค้าจากคลังไปยังจุดหมายปลายทาง
- การจัดการสินค้าคงคลัง: การตรวจสอบและควบคุมปริมาณสินค้าที่มีอยู่
- การบรรจุหีบห่อ: การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อการขนส่ง
- การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ: การใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและการจัดการคลังสินค้า
ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง ที่ใช้โลจิสติกส์จัดการทั้งระบบ
ใช้โลจิสติกส์ในหลายด้านเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันเวลา ตัวอย่างการใช้โลจิสติกส์ในร้านสะดวกซื้อมีดังนี้:
การจัดการคลังสินค้าและการขนส่ง
- การจัดการสินค้าคงคลัง:
- ระบบสต๊อก: ร้านสะดวกซื้อใช้ระบบสต๊อกเพื่อติดตามปริมาณสินค้าคงคลังในแต่ละสาขา การตรวจสอบสินค้าคงคลังช่วยให้ร้านรู้ว่าสินค้าใดต้องการเติมเต็มและหลีกเลี่ยงการขาดแคลน
- การจัดการคลังสินค้า:
- ศูนย์กระจายสินค้า: ร้านสะดวกซื้อมักมีศูนย์กระจายสินค้าที่ทำหน้าที่เก็บสินค้าและจัดส่งให้กับสาขาต่างๆ ศูนย์กระจายสินค้าจะได้รับสินค้าในปริมาณมากและจัดเก็บในสต๊อก ก่อนจะกระจายไปยังสาขาต่างๆ
- การจัดส่งสินค้า:
- การจัดส่งประจำวัน: สินค้าจะถูกจัดส่งจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังร้านสะดวกซื้อทุกวันตามความต้องการ การขนส่งเป็นระยะทางสั้นๆ ไปยังแต่ละสาขา โดยมีการวางแผนเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อให้สินค้าไปถึงเร็วที่สุด
การบรรจุและการจัดการสินค้า
- การบรรจุหีบห่อ:
- การจัดเตรียมสินค้า: สินค้าที่ได้รับจากผู้ผลิตจะถูกบรรจุในกล่องและจัดเตรียมเพื่อการขนส่งไปยังศูนย์กระจายสินค้าและสาขาต่างๆ บรรจุภัณฑ์ต้องคงความปลอดภัยและรักษาคุณภาพของสินค้า
- การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ:
- การติดตามการขนส่ง: ใช้ระบบการติดตามสินค้าตลอดกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าถึงสาขาตามกำหนดเวลา และสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้ตลอด
การบริการลูกค้าและการตอบสนอง
- การจัดการคำสั่งซื้อ:
- การตอบสนองความต้องการ: ระบบที่ใช้ในการจัดการคำสั่งซื้อช่วยให้ร้านสะดวกซื้อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว การจัดการคำสั่งซื้อนำไปสู่การเติมสินค้าตามความต้องการ
- การบริการลูกค้า:
- การจัดการและบริการลูกค้า: บริการลูกค้าคือการตอบคำถามและช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความพอใจให้กับลูกค้า
การจัดการขยะและรีไซเคิล
- โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics):
- การจัดการสินค้าคืน: การรับคืนสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือหมดอายุเพื่อนำไปรีไซเคิลหรือกำจัดอย่างถูกต้อง
การใช้โลจิสติกส์ในร้านสะดวกซื้อเป็นตัวอย่างที่ดีของการประยุกต์ใช้กระบวนการโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลัง การขนส่ง และการบริการลูกค้า ช่วยให้ร้านสะดวกซื้อสามารถเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และการเสียเวลาในกระบวนการต่าง ๆ
หมวดหมู่ | ข้อดี | ข้อเสีย | ประโยชน์ | เสียเวลาไหม |
---|---|---|---|---|
การจัดการคลังสินค้า | – สามารถติดตามสต๊อกได้แบบเรียลไทม์ – ลดการขาดแคลนสินค้า – การเติมสินค้าตามความต้องการ | – ต้องการการจัดการที่ซับซ้อน – มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ | – เพิ่มความสะดวกในการซื้อของให้กับลูกค้า – ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้า | – อาจต้องใช้เวลาติดตั้งและเรียนรู้ระบบ – อาจมีการอัปเดตข้อมูลบ่อยครั้ง |
การจัดการคลังสินค้า | – ประสิทธิภาพในการจัดการและจัดเก็บ – ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้า | – ความยุ่งยากในการจัดการคลังสินค้า – มีค่าใช้จ่ายในการจัดการคลังสินค้า | – การกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ – ลดเวลาในการจัดเตรียมสินค้าให้สาขา | – การจัดการคลังสินค้าต้องใช้เวลาในการจัดเก็บและจัดระเบียบสินค้าทั้งหมด |
การขนส่งสินค้า | – การส่งมอบสินค้าตรงเวลา – ลดความเสี่ยงในการจัดส่งสินค้า | – ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง – ความเสี่ยงจากความล่าช้าในกรณีที่เกิดปัญหา | – เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า – การจัดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ | – อาจมีเวลาในการวางแผนเส้นทางและจัดเตรียมการขนส่ง – ต้องมีการติดตามและตรวจสอบการขนส่ง |
การบรรจุหีบห่อ | – ป้องกันสินค้าจากความเสียหาย – สะดวกในการจัดเก็บและขนส่ง | – มีค่าใช้จ่ายในการบรรจุภัณฑ์ – อาจมีการใช้วัสดุที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม | – สินค้าสามารถขนส่งได้อย่างปลอดภัย – การจัดการสินค้าได้อย่างมีระเบียบ | – ต้องใช้เวลาในการบรรจุหีบห่อและการตรวจสอบ – อาจต้องมีการเตรียมวัสดุบรรจุภัณฑ์ |
การจัดการข้อมูล | – การติดตามข้อมูลเรียลไทม์ – การปรับปรุงข้อมูลและวางแผนการสั่งซื้อ | – อาจมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบ – ความเสี่ยงจากการเกิดข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูล | – การตัดสินใจที่ดีกว่าในการสั่งซื้อและจัดการสต๊อก – การบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ | – อาจมีการเรียนรู้และติดตั้งระบบ – ต้องใช้เวลาติดตามและปรับปรุงข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ |
การบริการลูกค้า | – การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว – การบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ | – อาจมีปัญหากับการจัดการคำสั่งซื้อที่ผิดพลาด – ต้องมีการฝึกอบรมพนักงาน | – ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพ – เพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า | – อาจมีการใช้เวลาในการฝึกอบรมพนักงาน – ต้องใช้เวลาในการตอบคำถามและแก้ไขปัญหา |
อธิบายประกอบ
- การจัดการคลังสินค้า:
- ข้อดี: ช่วยติดตามสินค้าคงคลังอย่างแม่นยำ ลดการขาดแคลนสินค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บ
- ข้อเสีย: ระบบที่ซับซ้อนและต้องการการบำรุงรักษา มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการจัดการ
- ประโยชน์: ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้า และเพิ่มความสะดวกในการจัดการ
- เสียเวลาไหม: การติดตั้งระบบและการบำรุงรักษาอาจใช้เวลา แต่ประโยชน์ที่ได้รับช่วยลดเวลาในการจัดการสินค้าคงคลัง
- การขนส่งสินค้า:
- ข้อดี: การขนส่งที่มีประสิทธิภาพช่วยให้สินค้าถึงสาขาตามกำหนดเวลา
- ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงและอาจเกิดปัญหาเช่นการล่าช้า
- ประโยชน์: เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและทำให้การจัดส่งมีประสิทธิภาพ
- เสียเวลาไหม: การวางแผนเส้นทางและการจัดการการขนส่งอาจใช้เวลา แต่การจัดการที่ดีช่วยลดเวลาในการขนส่งสินค้า
- การบรรจุหีบห่อ:
- ข้อดี: ป้องกันสินค้าจากความเสียหายและสะดวกในการขนส่ง
- ข้อเสีย: มีค่าใช้จ่ายในการบรรจุภัณฑ์และอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ประโยชน์: สินค้าถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยและมีระเบียบ
- เสียเวลาไหม: การบรรจุหีบห่อและการตรวจสอบต้องใช้เวลา แต่ช่วยลดปัญหาในการขนส่ง
- การจัดการข้อมูล:
- ข้อดี: การติดตามข้อมูลเรียลไทม์ช่วยในการวางแผนและตัดสินใจได้ดีขึ้น
- ข้อเสีย: ระบบที่ต้องพัฒนาตลอดเวลาและต้องมีการจัดการข้อมูลอย่างระมัดระวัง
- ประโยชน์: การตัดสินใจที่ดีขึ้นและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
- เสียเวลาไหม: การติดตั้งและปรับปรุงระบบข้อมูลอาจใช้เวลา แต่ข้อมูลที่มีคุณภาพช่วยให้การจัดการมีประสิทธิภาพ
- การบริการลูกค้า:
- ข้อดี: การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
- ข้อเสีย: การจัดการคำสั่งซื้ออาจมีปัญหาและต้องมีการฝึกอบรมพนักงาน
- ประโยชน์: เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างความภักดี
- เสียเวลาไหม: การฝึกอบรมพนักงานและการตอบคำถามลูกค้าอาจใช้เวลา แต่บริการที่ดีช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
โลจิสติกส์ (Logistics) คืออะไร ?
โลจิสติกส์ หรือ ลอจิสติกส์ (logistics) คือ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้า วัสดุ และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ โลจิสติกส์ยังมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายรวมในกระบวนการจัดการสินค้าและวัสดุ
คำอธิบายเพิ่มเติม
- การจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้า (Transportation)
- คำอธิบาย: การขนส่งสินค้าจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เช่น การขนส่งสินค้าจากโรงงานไปยังคลังสินค้าหรือจากคลังสินค้าส่งไปยังลูกค้า
- ตัวอย่าง: บริษัทจัดส่งสินค้าจะเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม เช่น รถบรรทุก, เรือ, หรือเครื่องบิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการจัดส่ง
- การจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management)
- คำอธิบาย: การจัดเก็บและจัดการสินค้าที่เก็บในคลังสินค้า การจัดระเบียบพื้นที่จัดเก็บและการจัดการสินค้าคงคลัง
- ตัวอย่าง: ระบบจัดการคลัง (WMS) ใช้ในการติดตามตำแหน่งของสินค้าในคลัง, การตรวจสอบปริมาณสินค้าคงคลัง และการจัดเรียงสินค้าในคลัง
- การบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
- คำอธิบาย: การเลือกและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายและทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวอย่าง: บรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีวัสดุกันกระแทกเพื่อป้องกันความเสียหายจากการขนส่ง
- การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
- คำอธิบาย: การควบคุมและตรวจสอบระดับของสินค้าคงคลังในคลังสินค้าเพื่อให้มั่นใจว่ามีสินค้าเพียงพอและไม่เกินความจำเป็น
- ตัวอย่าง: การใช้ระบบ ERP เพื่อคาดการณ์ความต้องการและทำการสั่งซื้อสินค้าสำรองเมื่อสินค้าคงคลังลดลงถึงระดับที่กำหนด
- การจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management)
- คำอธิบาย: การจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้าตั้งแต่การรับคำสั่งจนถึงการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า
- ตัวอย่าง: ระบบการจัดการคำสั่งซื้อจะช่วยติดตามสถานะของคำสั่งซื้อและประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อให้คำสั่งซื้อเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบสินค้า
- การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ (Information and Data Management)
- คำอธิบาย: การใช้เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศในการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการโลจิสติกส์ เช่น การติดตามการขนส่งและการจัดการคลังสินค้า
- ตัวอย่าง: ระบบติดตามการขนส่ง (TMS) ที่ให้ข้อมูลสถานะของการขนส่งสินค้าและช่วยในการวางแผนเส้นทาง
ตัวอย่างประกอบ
- ร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าออนไลน์ต้องจัดการกับการรับคำสั่งซื้อ, การบรรจุสินค้า, การขนส่ง, และการติดตามการจัดส่ง เพื่อลูกค้าจะได้รับสินค้าในเวลาที่กำหนด
- โรงงานผลิต: โรงงานต้องจัดการกับการรับวัตถุดิบ, การจัดเก็บในคลังสินค้า, การขนส่งสินค้าผลิตไปยังสถานที่จัดจำหน่าย และการจัดการกับสินค้าคงคลังเพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โลจิสติกส์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันโดยการจัดการทุกขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายรวมในกระบวนการจัดการสินค้าและวัสดุ
กระบวนการหลักในโลจิสติกส์
- การจัดการคลังสินค้า
- คำอธิบาย: การจัดการคลังสินค้าคือการดูแลการเก็บรักษาสินค้าในคลังสินค้า การจัดระเบียบพื้นที่จัดเก็บ การจัดการการรับและส่งสินค้า
- ตัวอย่าง: ในคลังสินค้าของร้านค้าออนไลน์, ระบบจัดการคลัง (WMS) จะช่วยติดตามตำแหน่งของสินค้า, การจัดเรียงสินค้าในชั้นวาง, และการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
- การกระจายสินค้า
- คำอธิบาย: การกระจายสินค้าเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบสินค้าจากคลังไปยังจุดหมายปลายทางหรือผู้บริโภค
- ตัวอย่าง: บริษัทที่ขายสินค้าบนเว็บไซต์อาจมีเครือข่ายของศูนย์กระจายสินค้าที่ช่วยจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าตามที่อยู่ที่ระบุ
- การจัดการสินค้าคงคลัง
- คำอธิบาย: การควบคุมปริมาณสินค้าในคลัง เพื่อให้มั่นใจว่ามีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการโดยไม่มากเกินไป
- ตัวอย่าง: การใช้ระบบ ERP เพื่อติดตามระดับสินค้าคงคลังและทำการสั่งซื้อสินค้าสำรองเมื่อสินค้าคงคลังลดลงถึงระดับที่กำหนด
- การบรรจุภัณฑ์
- คำอธิบาย: การเลือกและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสินค้าและให้สามารถจัดส่งได้อย่างปลอดภัย
- ตัวอย่าง: บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบางประเภท เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจใช้วัสดุกันกระแทกเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง
- การรับส่งข้อมูลและระบบสารสนเทศ
- คำอธิบาย: การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโลจิสติกส์ เช่น การติดตามสถานะของคำสั่งซื้อ
- ตัวอย่าง: ระบบติดตามการขนส่ง (TMS) ที่ช่วยในการติดตามสถานะของการขนส่งในเวลาจริงและการอัพเดตข้อมูลให้กับลูกค้า
กิจกรรมหลักของโลจิสติกส์
- การบริการลูกค้า
- คำอธิบาย: การจัดการคำสั่งซื้อและการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เช่น การตรวจสอบสถานะของคำสั่งซื้อและการให้บริการหลังการขาย
- ตัวอย่าง: การให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของการจัดส่งผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมือถือ
- การวางแผนตำแหน่งที่ตั้ง
- คำอธิบาย: การกำหนดสถานที่สำหรับโรงงาน, คลังสินค้า, และศูนย์กระจายสินค้า เพื่อให้สามารถจัดการโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวอย่าง: การตั้งโรงงานผลิตใกล้แหล่งวัตถุดิบเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง
- การพยากรณ์อุปสงค์
- คำอธิบาย: การคาดการณ์ความต้องการสินค้าล่วงหน้าเพื่อเตรียมการผลิตและการจัดเก็บสินค้าที่เหมาะสม
- ตัวอย่าง: การใช้ข้อมูลยอดขายในอดีตเพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้าช่วงเทศกาล
- การจัดซื้อจัดหา
- คำอธิบาย: การเลือกและจัดหาสินค้าและวัสดุจากซัพพลายเออร์เพื่อใช้ในการผลิตหรือจำหน่าย
- ตัวอย่าง: การสั่งซื้อวัตถุดิบจากผู้ผลิตเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า
- การจัดการสินค้าคงคลัง
- คำอธิบาย: การควบคุมระดับสินค้าคงคลังเพื่อให้การผลิตและการจัดส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวอย่าง: การใช้ระบบการควบคุมสินค้าคงคลังแบบ Just-in-Time (JIT) เพื่อลดการเก็บสินค้าสำรองและลดต้นทุน
- การบรรจุหีบห่อ
- คำอธิบาย: การบรรจุสินค้าในบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อการขนส่งและป้องกันความเสียหาย
- ตัวอย่าง: การบรรจุสินค้าอาหารในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการเสียหายจากการขนส่งและการจัดเก็บ
- การดำเนินการกับคำสั่งซื้อ
- คำอธิบาย: การจัดการคำสั่งซื้อจากการรับคำสั่งจนถึงการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
- ตัวอย่าง: การจัดเตรียมสินค้า, การบรรจุหีบห่อ, และการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
- โลจิสติกส์ย้อนกลับ
- คำอธิบาย: การจัดการสินค้าคืนจากลูกค้าและการรีไซเคิลสินค้าหรือวัสดุที่ไม่ต้องการ
- ตัวอย่าง: การจัดการการคืนสินค้าของลูกค้าและการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์
- การจัดการช่องทางจัดจำหน่าย
- คำอธิบาย: การกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่าง ๆ เช่น ร้านค้า, ช่องทางออนไลน์, หรือผู้ค้าส่ง
- ตัวอย่าง: การทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
เป้าหมายที่สำคัญของโลจิสติกส์
- ความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้า
- คำอธิบาย: การจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วและตามกำหนดเวลา
- ตัวอย่าง: การจัดส่งสินค้าภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการสั่งซื้อ
- การไหลลื่นของสินค้าและข้อมูล
- คำอธิบาย: การจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้าและข้อมูลให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น
- ตัวอย่าง: การใช้ระบบติดตามการขนส่งเพื่ออัพเดตข้อมูลสถานะของสินค้าตลอดเวลา
- การสร้างมูลค่าเพิ่ม
- คำอธิบาย: การเพิ่มมูลค่าในทุกขั้นตอนของกระบวนการโลจิสติกส์
- ตัวอย่าง: การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและการขนส่งสินค้า
- ลดต้นทุน
- คำอธิบาย: การลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโลจิสติกส์
- ตัวอย่าง: การใช้ระบบอัตโนมัติในคลังสินค้าเพื่อลดต้นทุนแรงงาน
- เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการแข่งขัน
- คำอธิบาย: การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการโลจิสติกส์
- ตัวอย่าง: การปรับปรุงกระบวนการขนส่งเพื่อลดเวลาในการจัดส่งและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
กิจกรรมที่สำคัญในโลจิสติกส์
1. Order Management/Customer Service (การจัดการการรับและส่งสินค้าพร้อมบริการลูกค้า)
คำอธิบาย: การจัดการคำสั่งซื้อคือกระบวนการที่รวมถึงการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า, การตรวจสอบสต็อก, การจัดเตรียมสินค้า, การจัดส่ง, และการให้บริการหลังการขาย
ตัวอย่าง: หากลูกค้าสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือจากเว็บไซต์ e-commerce, ระบบ Order Management จะรับคำสั่งซื้อ, ตรวจสอบสต็อก, ประสานงานกับคลังสินค้าเพื่อเตรียมสินค้า, และติดตามการจัดส่งจนถึงมือลูกค้า พร้อมทั้งให้บริการลูกค้าหากมีปัญหา
2. Packaging (การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม)
คำอธิบาย: การบรรจุภัณฑ์หมายถึงการเลือกและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันสินค้า, การลดต้นทุน, และตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ตัวอย่าง: การบรรจุขวดน้ำดื่มอาจใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทนทานต่อแรงกระแทกและป้องกันการรั่วไหล ขณะที่การบรรจุสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะต้องใช้วัสดุกันกระแทกเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง
3. Material Handling (การขนถ่ายวัสดุภายในโรงงานหรือคลังสินค้า)
คำอธิบาย: การขนถ่ายวัสดุหมายถึงการจัดการและเคลื่อนย้ายวัสดุและสินค้าในระหว่างกระบวนการผลิตและในคลังสินค้า
ตัวอย่าง: ในโรงงานผลิตรถยนต์, การขนถ่ายวัสดุอาจรวมถึงการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนรถยนต์จากคลังสินค้าหมายถึงการใช้รถยกหรือเครื่องจักรในการเคลื่อนย้ายวัสดุจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
4. Transportation/Mode of Transportation (การขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ)
คำอธิบาย: การขนส่งคือการเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยอาจใช้วิธีการขนส่งที่หลากหลาย เช่น รถยนต์, เรือ, เครื่องบิน, หรือรถไฟ
ตัวอย่าง: สินค้าที่ต้องการส่งออกจากประเทศไปยังต่างประเทศอาจใช้การขนส่งทางเรือ สำหรับการจัดส่งในประเทศอาจใช้การขนส่งทางรถยนต์หรือรถไฟตามระยะทางและความเร่งด่วน
5. Warehouse Management (การจัดการคลังสินค้าและเทคโนโลยีที่ใช้)
คำอธิบาย: การจัดการคลังสินค้าคือการบริหารจัดการพื้นที่เก็บสินค้า, การควบคุมสต็อก, การเลือกใช้เทคโนโลยีในการติดตามและจัดการสินค้า
ตัวอย่าง: การใช้ระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) ช่วยในการติดตามตำแหน่งของสินค้าภายในคลังและอำนวยความสะดวกในการรับและส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
6. Inventory Control Systems (การบริหารสินค้าคงคลัง)
คำอธิบาย: การควบคุมสินค้าคงคลังคือการติดตามปริมาณสินค้าในคลัง, การวิเคราะห์ความต้องการ, และการทำให้แน่ใจว่าสินค้ามีเพียงพอเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
ตัวอย่าง: การใช้ระบบ ERP เพื่อติดตามระดับสินค้าคงคลังและทำการสั่งซื้อใหม่เมื่อสินค้าลดลงถึงระดับต่ำสุด
7. Supplier Management (การบริหารจัดการผู้ผลิตวัตถุดิบ)
คำอธิบาย: การบริหารจัดการผู้ผลิตหมายถึงการเลือก, ประเมิน, และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์เพื่อให้ได้วัตถุดิบหรือสินค้าที่มีคุณภาพและตามเวลาที่กำหนด
ตัวอย่าง: บริษัทผลิตรถยนต์ทำการประเมินซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพดีและจัดส่งตามกำหนด
8. Distribution Center/Hub (การตั้งแหล่งกระจายสินค้า)
คำอธิบาย: ศูนย์กระจายสินค้าคือสถานที่ที่ใช้สำหรับการจัดเก็บ, แยก, และกระจายสินค้าไปยังจุดขายหรือลูกค้า
ตัวอย่าง: บริษัท e-commerce ใช้ศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่เพื่อลดเวลาการจัดส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสินค้าไปยังลูกค้าทั่วประเทศ
9. Manufacturing/Production Control (การควบคุมกระบวนการผลิต)
คำอธิบาย: การควบคุมกระบวนการผลิตหมายถึงการจัดการและควบคุมขั้นตอนการผลิตเพื่อให้การผลิตสินค้ามีประสิทธิภาพและคุณภาพดี
ตัวอย่าง: การใช้เทคโนโลยีการควบคุมการผลิตเช่น PLC (Programmable Logic Controller) เพื่อควบคุมและตรวจสอบกระบวนการผลิตในโรงงานเพื่อให้ได้สินค้าตามมาตรฐาน
หวัดดีครับ ผมขอเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ
-ผมเจอคำถามนี้มาเยอะมาก ว่า Logistics คืออะไร
-ตอนแรกๆ ผมก็จะตอบนู้นี้นั้นเยอะเยะไปหมด
ต้นน้ำปลายน้ำมั้ง กระบวนการอย่างนี้ กระบวนการอย่างนั้น
พูดยืดยาวไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้าย ผมเลยต้องออกตามหา คำที่ใช้สักคำ
จนวันนึงผมก็พบคำที่ผมคิดว่าเหมาะ กับคำถามว่า logistics คืออะไร ที่สุด (สำหรับผมนะ)
– การปฎิบัติการทุกอย่างที่จำเป็นต่อการส่งมอบสินค้า หรือ บริการ
คุณ จกท. เห็นด้วยไหมครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ
ตามที่คุณ GeetiS บอกล่ะครับเป็นกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ จนปลายน้ำ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันก็ต้องขึ้นอยู่กับการบริการที่เข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน
ถ้าสินค้าดีขนาดไหน แต่บริการห่วยก็จบ ^^
คือ ที่ผมบอกไปนั้นไม่ได้ต้องการจะบอกว่าLOgistics นั้นทำนางยังไง และอย่างไร
แต่ผมต้องการบอกถึงความหมายของ Logistics ที่เข้าใจได้ง้ายๆที่สุดครับ
และที่ผมบอกถึง “ปฎิบัติทุกอย่างที่จำเป็นต่อการส่งมอบ หรือ บริการ ” นั้น ก็คือ การมุ่งหาลูกค้า เพราะสุดท้ายเราก็ต้องส่งมอบให้ลูกค้าคนสุดท้าย หรือส่งต่อให้เป้าหมายเรา
นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกครับ
ขอบคุณครับ ^^
ดิฉันอยากทราบว่า หนังสือการจัดเก็บเอกสารในคลังสินค้า มีขายที่ไหนบ้าง ดิฉันต้องการจริง ๆ เพื่อนำไปสอนนักเรียน ถ้าหากทราบช่วยกรุณาแจ้ง ทาง
E-mailให้ดิฉันทราบด้วย จักขอบพระคุณยิ่ง
เดี๋ยวติดตามหาข้อมูลให้นะครับ
พี่ค้าบ คือผมจะไปสอบสัมภาษณ์คณะนี้ น่ะครับ ผมจะต้อง เตรียมตัวยังไงบ้างครับ จะสอบวันอาทิดที่ 1 แล้วอ่าค้าบ
โดยรวมๆ นะครับ น้องมีต้องเข้าใจคำ 2 คำนี้ก่อนว่า logistics และ supply chain มันคืออะไร และมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง ในเวบพี่ก็มีข้อมูบ้างส่วนนะครับลองค้นหาดู โชคดีนะครับ ^^
ครับผม ขอบคุณครับ พี่
อยากทำงาน logistics มากเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าต้องเก่งวิชาไหนที่สำคัญๆบ้างคะ? ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
[…] (logistics) […]