บริษัท ชิปป๊อป จำกัด เปิดให้บริการส่งสินค้าได้ทั่วประเทศ โดยมีการร่วมมือกับพันธมิตรด้านการขนส่ง อาทิ ไปรษณีย์ไทย, เอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส ,นินจาแวน, ลาลามูฟ , สกู๊ตตาร์, อัลฟ่า ฟาสส์, เคอรี่ เอ็กเพรส, ซีเจ เอ็กซ์เพรส, เซ็นด์อิท และ นิโกส์ โลจิสติคส์

บริษัท ชิปป๊อป จำกัด สตาร์ตอัพสัญชาติไทย ผู้ให้บริการด้านระบบโลจิสติกส์ครบวงจร ที่รวบรวมบริษัทขนส่งมาไว้ในระบบเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อและเลือกใช้บริการที่หลากหลาย ทางเลือกใหม่ของผู้ประกอบการในยุคโซเชียลคอมเมิร์ซ

ประกาศความสำเร็จที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถึง 635% สร้างกำไรและขยายธุรกิจออกที่ประเทศมาเลเซีย และสิงค์โปร์ หลังจากเปิดบริการมาเพียงแค่ปีกว่า ตั้งเป้าเป็นอันดับหนึ่งในการเชื่อมต่อระบบขนส่งที่ดีที่สุดในอาเซียน เดินหน้าขยายแผนธุรกิจสู่ตลาดโลก

ชิปป๊อปสตารท์อัพ อีโลจิสติคส์ไทยรุ่งยอดส่งโต 600%

สุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด กล่าวว่า “ ชิปป๊อป (SHIPPOP) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ภายใต้แนวคิดที่มุ่งแก้ปัญหาด้านการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการที่ต้องใช้งานระบบโลจิสติกส์ และเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2559 ชิปป๊อป

ถือเป็นบริษัทสตาร์อัพด้านโลจิสติกส์สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับการสนับสนุนหลักจาก บริษัท อีฟรา สตรักเจอร์ จำกัด ประเทศไทย และ อีโลจิส จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เปิดให้บริการด้านระบบโลจิสติกส์ครบวงจรบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เราทำหน้าที่เป็น ชิปปิ้ง เกตเวย์ (Shipping Gateway) ที่มีเอพีไอ (Application Programming Interface: API) สามารถเชื่อมโยงทุกระบบขนส่งมาไว้ในระบบเดียว

พร้อมเชื่อมต่อกับมาร์เก็ตเพลส หรือเว็บไซต์ต่างๆได้ทันทีและมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ผู้ใช้บริการที่เป็นบุคคลยังสามารถทำรายการบนเว็บไซต์ของชิปป๊อปได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้เพื่อรองรับตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกปี ดังจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนได้ว่า

ชิปป๊อปสตารท์อัพ อีโลจิสติคส์ไทยรุ่งยอดส่งโต 600%

ในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจมาร์เก็ตเพลสที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยมีการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งแคมเปญ ส่งเสริมการขาย รวมถึงโปรโมชั่นการจัดส่งสินค้าฟรี โดยในปี 2560 บริษัท ชิปป๊อป มียอดการจัดส่งสินค้าถึง 2 ล้านชิ้น คิดเป็น 3.1% ของมูลค่าทางระบบการขนส่งทั้งหมด เติบโตมากว่า 635% จากปี 2559 และทำให้มีรายได้สูงถึงเกือบ 70 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทฯสามารถเชื่อมต่อกับมาร์เก็ตเพลสหรือเว็บไซต์ต่างๆได้ทันที อีกทั้งยังมีพันธมิตรด้านการขนส่งในต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าที่เลือกใช้บริการผ่านชิปป๊อปสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆได้

เนื่องจากเราเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบราคา จองการขนส่ง ออกหมายเลขพัสดุทุกระบบขนส่ง หรือพิมพ์ใบปะหน้าได้ทันทีด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปที่จุดให้บริการ นอกจากนี้เรายังมีบริการ Drop Off ณ ที่ทำการไปรษณีย์ หรือผู้ใช้บริการสามารถเรียกรถขนส่งมารับของถึงบ้านได้ด้วย

อีกทั้งยังสามารถติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และชำระเงินออนไลน์ได้ทันที ส่วนลูกค้าประเภทนิติบุคคลสามารถเลือกที่จะวางบิลเป็นรายเดือนได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้บริการจะสามารถเลือกใช้ระบบขนส่งที่เหมาะกับสินค้าและบริการแต่ละประเภทได้อย่างลงตัวมากขึ้น ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการค่าขนส่งได้ดียิ่งขึ้น

ชิปป๊อปสตารท์อัพ อีโลจิสติคส์ไทยรุ่งยอดส่งโต 600%
ชิปป๊อปสตารท์อัพ อีโลจิสติคส์ไทย

บริษัท ชิปป๊อป จำกัด ได้กลายเป็นบริษัทสตารท์อัพแนวหน้าของไทย ที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และทำกำไรให้กับธุรกิจได้ตั้งแต่ปีแรก ซึ่งแตกต่างจากสตาร์ทอัพอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ยังคงขาดทุนอยู่ในช่วงปีแรกๆ

นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจออกไปยังประเทศมาเลเซียและสิงค์โปร์ตั้งแต่ปลายปี 2560 ทำให้ขยายเครือข่ายการส่งสินค้าออกไปรวม 3 ประเทศแล้ว และบริษัทฯยังกวาดรางวัลมากมาย เช่น ชนะเลิศจาก โครงการสตาร์ทอัพของธนาคารออมสิน งาน Techsauce Global Summit และ งาน Startup Thailand 2017: SEA of Opportunities รวมไปถึงอีกหลายรางวัลในหลายการแข่งขัน

ในปี 2561 ชิปป๊อปตั้งเป้าในการก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดในการเชื่อมต่อระบบขนส่งที่ดีที่สุดในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน โดยมีแผนจะขยายออกไปในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพื่อรองรับการเข้ามาของกลุ่มธุรกิจ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เข้ามาลงทุนในอาเซียน พร้อมเดินหน้าขยายแผนธุรกิจต่อไปสู่ตลาดโลกเร็วๆนี้”

ชิปป๊อปสตารท์อัพ อีโลจิสติคส์ไทยรุ่งยอดส่งโต 600%

ด้าน ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) กล่าวว่า “ในปี 2560 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีมูลค่าอยู่ที่ 2,812,592.03 ล้านบาท และเทียบเป็นอัตราส่วนการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 9.86% (ปี 2559-2560 ) โดยอัตราเฉลี่ยของการส่งพัสดุต่อวันสูงถึง 2,000,000 ชิ้น ซึ่งจากการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้จะตอกย้ำความเชื่อที่ว่า อีคอมเมิร์ซไทยจะเติบโตต่อไปและมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะในแต่ละแฟลตฟอร์มต้องการที่จะขึ้นมาเป็น Top Player ในตลาดทั้งนั้น

ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างต้องปรับตัวและขยายช่องทางในการทำการตลาดมาสู่อีมาร์เก็ตเพลสมากขึ้น ส่งผลให้ระบบการขนส่งโลจิสติกส์มีการขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วตามไปด้วย ด้านผู้ขายย่อมต้องการกระบวนการจัดการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำ ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด และสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย เพื่อจะสามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้สูงกว่า ด้านผู้ซื้อก็จะได้รับบริการจัดส่งสินค้าที่ได้คุณภาพ ส่งเร็ว ราคาไม่แพงนั่นเอง”